ยุบเลิกบริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 30, 2009 14:03 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีพิจารณาการยุบเลิกบริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด ตามที่กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ เสนอแล้วมีมติดังนี้

1. อนุมัติในหลักการการยุบเลิกบริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด (สธท.)

2. มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ในฐานะผู้กำกับดูแลด้านนโยบายและการบริหารของบริษัท สธท. ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการจำหน่ายกิจการบริษัท สธท. ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2548 และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กค.) ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท สธท. จัดประชุมผู้ถือหุ้นโดยมีแนวทางให้ผู้ถือหุ้นมีมติพิเศษให้เลิกบริษัทและแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยเร็ว

3. แนวทางดำเนินการกับเกษตรกรที่ได้ลักลอบขายโคและค้างชำระหนี้และการดำเนินงานใดที่อาจมีผลกระทบแก่เกษตรกร ให้คณะกรรมการจำหน่ายกิจการบริษัท สธท. เป็นผู้วางแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า

1. บริษัท สธท. เป็นรัฐวิสาหกิจในกำกับดูแลด้านนโยบายและการบริหารงานของ กษ. โดย กค.เป็นผู้ถือหุ้น จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการสำคัญด้านการเกษตร โดยการจัดหาทุนในรูปปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรและเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรในด้านการผลิตการแปรรูปและการตลาดที่เหมาะสม รวมทั้งช่วยเหลือเกษตรกรในการบริหารความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ซึ่งในระยะต้นจะดำเนินงานเฉพาะโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อล้านครอบครัว

2. บริษัท สธท. แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการ สธท. ครั้งที่ 5/2552 ได้มีมติให้ยุบเลิกบริษัท สธท. และมอบหมายให้ กษ. นำข้อมูลการยกเลิกบริษัท สธท. เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และในการนี้บริษัท สธท. ได้สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อล้านครอบครัวมาเพื่อทราบด้วยว่าได้มีการดำเนินการจัดหาโคเนื้อให้เกษตรกรไปแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 21,684 ตัว เป็นเงิน 229.09 ล้านบาท ขณะนี้ คงเหลือโคของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอยู่ระหว่างรอจำหน่าย 64 ตัว เป็นจำนวนเงิน 0.68 ล้านบาท และมีโคที่เกษตรกรลักลอบขายออกไปอยู่ระหว่างดำเนินคดี จำนวน 4,519 ตัว เป็นเงินค้างชำระจำนวน 42.70 ล้านบาท

3. กรณีถ้ามีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเกษตรกร บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 23,550 บาท ต่อเกษตรกร 1 ราย และมีระยะเวลาในการดำเนินคดีในกรณีที่เกษตรกรไม่ต่อสู้คดีใช้เวลาดำเนินการประมาณ 6 เดือน ส่วนกรณีที่เกษตรกรต่อสู้คดีใช้เวลาดำเนินการมากกว่า 1 ปีขึ้นไป คณะกรรมการ สธท. พิจารณาแล้วเห็นว่า ถ้ามีการฟ้องร้องคดีกับเกษตรกรต่อไป บริษัท สธท. จะเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงและใช้ระยะเวลานานหลายปี

4. การยุบเลิกบริษัท สธท. ดังกล่าวเป็นแนวทางที่เหมาะสมเนื่องจากเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 และวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ซึ่งทางบริษัท สธท. ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยยังคงเหลือโคอีกเพียงเล็กน้อย ประกอบกับทางบริษัท สธท. ไม่มีความพร้อมในการดำเนินการฟ้องร้องคดีแพ่งกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคที่ลักลอบขายโคและค้างชำระได้ เพราะการดำเนินคดีดังกล่าวส่วนใหญ่กระจายอยู่ในพื้นที่ชนบท ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องดำเนินคดีสูง ใช้ระยะเวลานานในการฟ้องร้องอาจทำให้เกิดภาพลักษณ์และแรงต่อต้านจากกลุ่มเกษตรกร ตลอดจนทางบริษัท สธท. ไม่มีบุคลากรและสำนักงานเป็นของตนเอง และเมื่อบริษัท สธท. ชนะคดีจะต้องมีการยึดทรัพย์ มาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้เกษตรกร ส่วนใหญ่มีฐานะยากจนไม่น่าจะมีเงินสดเพียงพอชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดได้

5. เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้ยุบเลิกบริษัท สธท. แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการรองรับการดำเนินงานส่วนที่เหลือ โดย

5.1 กษ. ในฐานะผู้กำกับดูแลด้านนโยบายและการบริหารของบริษัท สธท. จะได้แต่งตั้งคณะกรรมการจำหน่ายกิจการบริษัท สธท. ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548

5.2 กค. ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท สธท. จะได้ดำเนินการจัดประชุมผู้ถือหุ้นโดยมีแนวทางให้ผู้ถือหุ้นมีมติพิเศษให้เลิกบริษัทและแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

6. การยุบเลิกบริษัท สธท. ไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ดำเนินการตามโครงการ สำหรับเกษตรกรที่ลักลอบขายโคและอยู่ระหว่างดำเนินคดีให้คณะกรรมการจำหน่ายกิจการบริษัท สธท. เป็นผู้วางแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 ธันวาคม 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ