รายงานผลการประชุมคณะประศาสน์การขององค์การแรงงานระหว่างประเทศสมัยที่ 307

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 12, 2010 17:22 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการประชุมคณะประศาสน์การขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 307 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้

ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้กระทรวงแรงงานส่งคณะผู้แทนในนามประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมคณะประศาสน์การขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ตามวาระที่ดำรงตำแหน่ง คือระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2551 ถึงเดือนมิถุนายน 2554 หรือเมื่อองค์การแรงงานระหว่างประเทศแจ้งการสิ้นสุดวาระ นั้น

กระทรวงแรงงานอนุมัติคณะผู้แทนไทย รวม 8 คน นำโดยปลัดกระทรวงแรงงาน (นายสมชาย ชุ่มรัตน์) ในฐานะสมาชิกสำรอง (Deputy Member) เอกอัครราชทูตประจำคณะทูตถาวรแห่งประเทศไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ และองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ ณ นครเจนีวา (นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว) ผู้แทนสำรอง (Substitute) และคณะข้าราชการจากคณะผู้แทนถาวรฯ 3 คน จากกระทรวงแรงงาน 3 คน ให้เข้าร่วมการประชุม คณะประศาสน์การ สมัยที่ 307 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 13 — 28 มีนาคม 2553

กระทรวงแรงงานขอรายงานผลการประชุมคณะประศาสน์การ (GB) สมัยที่ 307 ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบและรับรองรายงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน ที่สำคัญคือ

1. การผลักดันให้ประเทศสมาชิกนำข้อตกลงเรื่องงานของโลก (Global Jobs Pact) ที่รับรองในการประชุมใหญ่ ILO สมัยที่ 98 เมื่อเดือนมิถุนายน 2552 มาปรับใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยได้เชิญ Ms. Helen Clark ผู้บริหารสูงสุดของแผนงานเพื่อการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ปราศรัย โดยมีสาระสำคัญว่า Global Jobs Pact เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศต่างๆ ฟื้นตัวจากภาวะ ถดถอยทางเศรษฐกิจในแนวทางที่เป็นธรรม โดยการบรรจุเรื่องการสร้างงานเป็นแกนกลางของการรับมือกับวิกฤต ทั้งนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างงานเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยเสริมสร้างโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ภายในปี พ.ศ. 2558

UNDP ได้ร่วมงานกับ ILO โดยรับเอา Global Jobs Pact มาบรรจุในวาระงานของ UNDP โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ UNDP เพื่อดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ซึ่ง UNDP และ ILO มีแนวทางความร่วมมือต่อไป ดังนี้ 1) การสร้างงาน การสร้างรายได้ และการบูรณาการทางสังคม 2) ส่งเสริม “Green Jobs” โดยการสร้างงานและการพัฒนามนุษย์ในเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3) การสร้างฐานความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของการจ้างงานต่อนโยบายและแผนงานด้านการจ้างงาน และ 4) การสร้างมาตรการการคุ้มครองทางสังคมขั้นพื้นฐาน

2. การติดตามการแก้ไขปัญหาพม่าละเมิดอนุสัญญาของ ILO ฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. 1930 ที่ให้สัตยาบันไว้ โดยพม่าปล่อยให้มีการบังคับใช้แรงงานเด็กและเกณฑ์เด็กเป็นทหาร ที่ประชุมได้มีการอภิปรายโดยผู้แทนนายจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง และรัฐบาลประเทศตะวันตก อาทิ สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ มีความเห็นคล้ายกัน โดยสนับสนุนการทำงานของ ILO แต่เห็นว่ารัฐบาลพม่ายังต้องใช้ความพยายามอีกมากในการแก้ไขปัญหาแรงงานบังคับให้หมดไป นอกจากนี้ยังไม่มั่นใจในกระบวนการประชาธิปไตยในพม่า พบว่ายังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยทั่วไปในพม่า และขอให้พม่าให้สิทธิเสรีภาพแก่สหภาพแรงงานอย่างจริงจัง

สำหรับผู้แทนประเทศในอาเซียน อาทิ สิงคโปร์ กัมพูชา ไทย และเกาหลี ญี่ปุ่น ต่างมีถ้อยแถลงในเชิงสนับสนุนให้รัฐบาลพม่าพยายามแก้ไขปัญหาโดยร่วมมือกับ ILO ต่อไป สำหรับประเทศไทย เอกอัครราชทูตรองผู้แทนถาวร ณ นครเจนีวา (นายวิชาวัฒน์ อิสระภักดี) มีถ้อยแถลงสนับสนุนความพยายามของพม่าในการแก้ไขปัญหาแรงงานบังคับ และขอให้รัฐบาลพม่าตรวจสอบข้อร้องทุกข์เกี่ยวกับการใช้แรงงานบังคับอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ผลการพิจารณาที่ยอมรับได้และเที่ยงธรรม ตลอดจนเห็นว่ามาตรการกระตุ้นจิตสำนึกและการเผยแพร่ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกลไกการร้องทุกข์ เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้

ที่ประชุม GB 307 ได้รับรองข้อสรุปเกี่ยวกับปัญหาแรงงานบังคับในพม่า โดยรับทราบถึงความก้าวหน้าในการดำเนินการที่ผ่านมา และขอให้พยายามอย่างจริงจังต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานบังคับให้หมดสิ้นไปอย่างแท้จริง รวมทั้งเรียกร้องให้พม่าปล่อยตัวผู้นำแรงงานและนักโทษทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการร้องทุกข์ เกี่ยวกับการใช้แรงงานบังคับโดยเร็ว

3. ILO มีข้อเสนอขอให้โอนเงิน Net Premium ซึ่งเป็นเงินกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลฟรังก์สวิสกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ของปีงบประมาณ 2551 — 2552 รวมจำนวน 29.7 ล้านฟรังก์สวิส เข้ากองทุนก่อสร้างและปรับปรุงอาคารสำนักงาน ซึ่งที่ประชุมโดยผู้แทนรัฐบาลส่วนใหญ่ อาทิ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย (ในนามกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก) ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น มีความเห็นคัดค้าน ทั้งนี้ หากคืนเงิน Net Premium ดังกล่าวให้ประเทศสมาชิกโดยเฉลี่ยตามสัดส่วนของเงินค่าสมาชิก ประเทศไทยจะได้ส่วนแบ่ง 82,824 ฟรังก์สวิส ท้ายที่สุดเนื่องจากไม่สามารถหาฉันทามติในเรื่องนี้ได้ ที่ประชุม 307 จึงตกลงที่จะเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ ILO สมัยที่ 99 ในเดือนมิถุนายน 2553 พิจารณา 3 ข้อเสนอ คือ 1) แบ่งเงิน Net Premium เป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน โดยเข้ากองทุนก่อสร้างฯ ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งแบ่งคืนประเทศสมาชิก 2) คืนเงินทั้งหมดให้แก่ประเทศสมาชิก และ 3) ให้โอนเงินทั้งหมดเข้ากองทุนฯ และหากมีส่วนเหลือจากการปรับปรุงอาคารขอให้โอนคืนประเทศสมาชิกภายหลัง

4. ที่ประชุมรับทราบกำหนดจัดการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Asia Pacific Regional Forum — APRM) ครั้งที่ 15 ที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 12 — 15 ตุลาคม 2553 โดยจะมีผู้เข้าร่วมจากไตรภาคีของประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและจากกลุ่มอาหรับรวม 450 คน วัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อทบทวนและติดตามผลการดำเนินงานตามมติที่ประชุม APRM ครั้งที่ 14 ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลี หัวข้อการประชุมที่สำคัญระดับ High Level คือเรื่อง 1) การเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนของวาระงานที่มีคุณค่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 2) การจัดการด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานและวาระงานที่มีคุณค่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ 3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ Green Jobs และวาระงานที่มีคุณค่าในเอเชียแปซิฟิก

5. การติดตามการจัดทำแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศสมาชิก โดยที่ประชุมรับทราบเกี่ยวกับการบรรจุเรื่องแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าลงในยุทธศาสตร์ที่ส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการในกระบวนการปฏิรูปของสหประชาชาติ โดยเฉพาะในกรอบงานความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDAF) เนื่องจากสอดคล้องกับการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาของสหประชาชาติ โดย ณ วันที่ 31 มกราคม 2553 มี 44 ประเทศที่กำลังดำเนินการตามแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่า มี 11 ประเทศทำแผนเสร็จแล้วเมื่อสิ้นปี 2552 และ 12 ประเทศคาดว่าจะทำเสร็จในปี 2553 อีก 80 ประเทศกำลังจัดทำแผน จากการประเมินของ ILO กับแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วพบว่าต้องมีการปรับปรุงในเรื่องการสร้างความเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการตามแผนงาน ศักยภาพของฝ่ายต่าง ๆ ความสามารถในการประเมินและการติดตามตรวจสอบแผนงาน การจัดลำดับความสำคัญของงาน และการขยายครอบคลุมถึงแรงงานนอกระบบ

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 11 พฤษภาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ