คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการโครงการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ....ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
ข้อเท็จจริง
กระทรวงศึกษาธิการเสนอว่า
1. ตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายด้านการศึกษาที่สนับสนุนการผลิตและพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาคการเกษตร อุตสาหกรรม การค้าและบริการ และให้มีการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพตามมาตรฐานสากล เพื่อเป็นเครื่องมือวัดความรู้ และทักษะของบุคคล ซึ่งต้องมีการกำหนดกรอบและหลักเกณฑ์ระบบคุณวุฒิวิชาชีพระดับต่าง ๆ ขึ้น ให้เป็นมาตรฐานในการบ่งชี้สมรรถนะในการปฏิบัติงานของแรงงานไทย ส่งเสริมให้กลุ่มอาชีพมีความเข้มแข็งสามารถตั้งมาตรฐานอาชีพขึ้นเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพัฒนากำลังคนได้ตรงตามความต้องการ จึงจำเป็นต้องมีสถาบันขึ้นมาเพื่อรองรับองค์กรกลุ่มอาชีพให้สามารถไปประเมินความรู้ ความสามารถ นอกจากนี้การพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพจะทำให้สถาบันการศึกษามีทิศทางในการพัฒนาคนอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ และช่วยให้แรงงานที่อยู่นอกระบบการศึกษาที่มีประสบการณ์ในการทำงานมีองค์กรรองรับสมรรถนะแรงงานหรือให้รู้ถึงระดับความสามารถตลอดจนยกระดับความสามารถของตน
2. คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (18 สิงหาคม 2552 และ 5 มกราคม 2553) เห็นชอบข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552 — 2561) ซึ่งได้เสนอให้มีการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่พัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ และเห็นชอบแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. 2552 — 2559) โดยเห็นว่า การจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพเป็นภารกิจและอำนาจหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพเป็นกลไกการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สอง และยังสอดคล้องกับแผนนิติบัญญัติ พ.ศ. 2552 — 2554 ตามนโยบายที่ 3 ของรัฐบาล นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต เป้าหมายเชิงนโยบาย นโยบายการศึกษา 3.1.5 (3) เร่งรัดการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นองค์กรอิสระ
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
1. กำหนดให้จัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และให้สถาบันมีอำนาจหน้าที่ วัตถุประสงค์และกระทำกิจการตามที่กำหนด (ร่างมาตรา 5 ร่างมาตรา 7 — ร่างมาตรา 9)
2. กำหนดให้ทุนและทรัพย์สินของสถาบันส่วนหนึ่งประกอบด้วยเงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิมและเงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสม กำหนดให้รายได้ของสถาบันไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง และอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจากการให้หรือซื้อด้วยรายได้ของสถาบันเป็นกรรมสิทธิ์ของสถาบัน (ร่างมาตรา 10 ถึงร่างมาตรา 12)
3. กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และมีผู้อำนวยการสถาบันฯ เป็นกรรมการและเลขานุการ กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ (ร่างมาตรา 14 ร่างมาตรา 19 และร่างมาตรา 21)
4. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหนน่ง การพ้นจากตำแหน่ง องค์ประชุมของกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และการได้รับเบี้ยประชุมหรือประโยชน์ตอบแทนอื่นของกรรมการ ที่ปรึกษา คณะทำงาน (ร่างมาตรา 14 ถึงร่างมาตรา 18 และร่างมาตรา 20 ร่างมาตรา 22)
5. กำหนดให้สถาบันมีผู้อำนวยการโดยการแต่งตั้ง กำหนดคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง อำนาจหน้าที่คณะกรรมการฯ เป็นผู้กำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด (ร่างมาตรา 23 ถึงร่างมาตรา 29)
6. กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ประสานการปฏิบัติราชการกับส่วนราชการและหน่วยงานอื่น ๆ และสถาบันโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจจัดทำบันทึกข้อตกลงกับส่วนราชการและหน่วยงานอื่น ๆ (ร่างมาตรา 30)
7. กำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานของสถาบันมีสามประเภท คือ เจ้าหน้าที่หรือลูกจ้าง ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่รัฐ กำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่งของผู้ปฏิบัติงานของสถาบัน (ร่างมาตรา 31 ถึงร่างมาตรา 34)
8. กำหนดการจัดทำบัญชีของสถาบัน การตรวจสอบและการประเมินผลงานของสถาบัน (ร่างมาตรา 35 ถึงร่างมาตรา 38)
9. กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินการของสถาบัน (ร่างมาตรา 39)
10. กำหนดให้สถาบันมีอำนาจให้ประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ หนังสือรับรองบุคคลและองค์กรผู้ประเมินมาตรฐานอาชีพ (ร่างมาตรา 40 และร่างมาตรา 41)
11. กำหนดบทเฉพาะกาล ให้มีคณะกรรมการสรรหา การแต่งตั้งผู้อำนวยการ และการออกระเบียบประกาศข้อกำหนด ข้อบังคับ (ร่างมาตรา 43 ถึงร่างมาตรา 45)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 พฤษภาคม 2553--จบ--