คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสภาการเกษตรแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันผู้ประกอบเกษตรกรรมรายย่อยยังไม่ค่อยมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการส่งเสริม พัฒนา และแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรกรรมมากนัก ผู้มีบทบาทมักเป็นหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบเกษตรกรรมรายใหญ่ จึงมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาแนวทางดำเนินการเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบเกษตรกรรมรายย่อยมีบทบาทและมีส่วนร่วมมากขึ้น
ร่างพระราชบัญญัติสภาการเกษตรแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาความเห็นร่วมกับภาครัฐเพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาการเกษตรให้ครบวงจรทั้งการผลิตและการตลาด รวมทั้งเป็นการสนับสนุนภาคเกษตรกรรมให้มีความเข้มแข็ง โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. สภาการเกษตรแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกจากผู้แทนภาครัฐ และผู้แทนภาคเกษตรกรรม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน มีเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเป็นเลขานุการสภาการเกษตรแห่งชาติ (ร่างมาตรา 4)
2. สมาชิกที่เป็นผู้แทนภาคเกษตรกรรมให้มาจากการเลือกตั้งกันเองในระหว่างเกษตรกรแต่ละกลุ่มการผลิต สาขากลุ่มและวิธีการเลือกตั้งให้กำหนดโดยกฎกระทรวง (ร่างมาตรา 5)
3. ให้สมาชิกสภาการเกษตรแห่งชาติที่เป็นผู้แทนจากภาคเกษตรกรรมและผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระคราวละสี่ปีและดำรงตำแหน่งสองวาระติดต่อกันไม่ได้ (ร่างมาตรา 7)
4. ให้ประธานสภาการเกษตรแห่งชาติจัดให้มีการประชุมสภาการเกษตรแห่งชาติสามเดือนต่อหนึ่งครั้ง แต่กรณีมีเหตุจำเป็นประธานสภาการเกษตรแห่งชาติจะเรียกประชุมเป็นวาระพิเศษเพิ่มขึ้นก็ได้ (ร่างมาตรา 10)
5. ให้สภาการเกษตรแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
5.1 เสนอแนะต่อรัฐมนตรีเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เทคโนโลยีการผลิตและพัฒนาการผลิตให้สอดคล้องกับความค้องการของตลาด การกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยธรรมชาติ กำหนดแนวทางการส่งเสริมให้ความร่วมมือกันในระหว่างเกษตรกรเพื่อพัฒนาอาชีพเกี่ยวกับเกษตรกรรม
5.2 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติตามที่สภาการเกษตรแห่งชาติมอบหมาย
5.3 ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสภาการเกษตรแห่งชาติหรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย (ร่างมาตรา 11)
6. ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรปฏิบัติงานธุรการของสภาการเกษตรแห่งชาติ ติดตามและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำงบประมาณรายจ่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสภาการเกษตรแห่งชาติ (ร่างมาตรา 12)
7. สภาการเกษตรแห่งชาติอาจพิจารณาให้มีการจัดตั้งสภาการเกษตรจังหวัดขึ้นก็ได้ โดยมีสมาชิกประกอบด้วยผู้แทนภาคราชการ ผู้แทนภาคเกษตรกรรม ผู้แทนผู้ประกอบธุกิจการเกษตร และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร จำนวนฝ่ายละเท่ากันแต่ไม่เกินฝ่ายละสิบคน กรณีที่สภาการเกษตรแห่งชาติเห็นสมควรในการดำเนินกิจกรรมร่วมกันในระหว่างเกษตรกรที่มีพื้นที่ใกล้เคียงกันและประโยชน์ที่ได้รับคุ้มค่ากับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ อาจพิจารณาให้จัดตั้งสภาการเกษตรจังหวัดโดยรวมหลายจังหวัดเข้าด้วยกันแทนการจัดตั้งเป็นแต่ละจังหวัดก็ได้ โดยหลักเกณฑ์ วิธีการจัดตั้งสภาการเกษตรจังหวัด คุณสมบัติ การแต่งตั้ง และเลขานุการสภาการเกษตรจังหวัดให้กำหนดโดยกฎกระทรวง (ร่างมาตรา13)
8. ให้สภาการเกษตรจังหวัดมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะต่อสภาการเกษตรแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ ร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเกษตรกรรม และปฏิบัติหน้าที่ตามที่สภาการเกษตรแห่งชาติมอบหมาย (ร่างมาตรา 14) และให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการสภาการเกษตรจังหวัด ส่วนกรณีจัดตั้งสภาการเกษตรจังหวัดสภาหนึ่งสำหรับหลายจังหวัด ให้สภาการเกษตรแห่งชาติกำหนดให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งที่เกี่ยวข้องนั้นทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการสภาการเกษตรจังหวัด (ร่างมาตรา 15)
9. ให้ประธาน สมาชิก และคณะทำงานของสภาการเกษตรแห่งชาติ และประธานและสมาชิกสภาการเกษตรจังหวัดได้รับเบี้ยประชุม เบี้ยเลี้ยง และค่าเดินทางในการปฏิบัติงาน ตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด (ร่างมาตรา 16)
10. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้ดำเนินการเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาการเกษตรแห่งชาติจากผู้แทนภาคเกษตรกรรมและแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้เสร็จภายในสองร้อยสี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (ร่างมาตรา 17 และร่างมาตรา 18))
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 พฤษภาคม 2550--จบ--
ร่างพระราชบัญญัติสภาการเกษตรแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาความเห็นร่วมกับภาครัฐเพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาการเกษตรให้ครบวงจรทั้งการผลิตและการตลาด รวมทั้งเป็นการสนับสนุนภาคเกษตรกรรมให้มีความเข้มแข็ง โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. สภาการเกษตรแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกจากผู้แทนภาครัฐ และผู้แทนภาคเกษตรกรรม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน มีเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเป็นเลขานุการสภาการเกษตรแห่งชาติ (ร่างมาตรา 4)
2. สมาชิกที่เป็นผู้แทนภาคเกษตรกรรมให้มาจากการเลือกตั้งกันเองในระหว่างเกษตรกรแต่ละกลุ่มการผลิต สาขากลุ่มและวิธีการเลือกตั้งให้กำหนดโดยกฎกระทรวง (ร่างมาตรา 5)
3. ให้สมาชิกสภาการเกษตรแห่งชาติที่เป็นผู้แทนจากภาคเกษตรกรรมและผู้ทรงคุณวุฒิที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระคราวละสี่ปีและดำรงตำแหน่งสองวาระติดต่อกันไม่ได้ (ร่างมาตรา 7)
4. ให้ประธานสภาการเกษตรแห่งชาติจัดให้มีการประชุมสภาการเกษตรแห่งชาติสามเดือนต่อหนึ่งครั้ง แต่กรณีมีเหตุจำเป็นประธานสภาการเกษตรแห่งชาติจะเรียกประชุมเป็นวาระพิเศษเพิ่มขึ้นก็ได้ (ร่างมาตรา 10)
5. ให้สภาการเกษตรแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
5.1 เสนอแนะต่อรัฐมนตรีเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เทคโนโลยีการผลิตและพัฒนาการผลิตให้สอดคล้องกับความค้องการของตลาด การกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยธรรมชาติ กำหนดแนวทางการส่งเสริมให้ความร่วมมือกันในระหว่างเกษตรกรเพื่อพัฒนาอาชีพเกี่ยวกับเกษตรกรรม
5.2 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติตามที่สภาการเกษตรแห่งชาติมอบหมาย
5.3 ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสภาการเกษตรแห่งชาติหรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย (ร่างมาตรา 11)
6. ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรปฏิบัติงานธุรการของสภาการเกษตรแห่งชาติ ติดตามและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำงบประมาณรายจ่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสภาการเกษตรแห่งชาติ (ร่างมาตรา 12)
7. สภาการเกษตรแห่งชาติอาจพิจารณาให้มีการจัดตั้งสภาการเกษตรจังหวัดขึ้นก็ได้ โดยมีสมาชิกประกอบด้วยผู้แทนภาคราชการ ผู้แทนภาคเกษตรกรรม ผู้แทนผู้ประกอบธุกิจการเกษตร และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร จำนวนฝ่ายละเท่ากันแต่ไม่เกินฝ่ายละสิบคน กรณีที่สภาการเกษตรแห่งชาติเห็นสมควรในการดำเนินกิจกรรมร่วมกันในระหว่างเกษตรกรที่มีพื้นที่ใกล้เคียงกันและประโยชน์ที่ได้รับคุ้มค่ากับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ อาจพิจารณาให้จัดตั้งสภาการเกษตรจังหวัดโดยรวมหลายจังหวัดเข้าด้วยกันแทนการจัดตั้งเป็นแต่ละจังหวัดก็ได้ โดยหลักเกณฑ์ วิธีการจัดตั้งสภาการเกษตรจังหวัด คุณสมบัติ การแต่งตั้ง และเลขานุการสภาการเกษตรจังหวัดให้กำหนดโดยกฎกระทรวง (ร่างมาตรา13)
8. ให้สภาการเกษตรจังหวัดมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะต่อสภาการเกษตรแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ ร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเกษตรกรรม และปฏิบัติหน้าที่ตามที่สภาการเกษตรแห่งชาติมอบหมาย (ร่างมาตรา 14) และให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการสภาการเกษตรจังหวัด ส่วนกรณีจัดตั้งสภาการเกษตรจังหวัดสภาหนึ่งสำหรับหลายจังหวัด ให้สภาการเกษตรแห่งชาติกำหนดให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งที่เกี่ยวข้องนั้นทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการสภาการเกษตรจังหวัด (ร่างมาตรา 15)
9. ให้ประธาน สมาชิก และคณะทำงานของสภาการเกษตรแห่งชาติ และประธานและสมาชิกสภาการเกษตรจังหวัดได้รับเบี้ยประชุม เบี้ยเลี้ยง และค่าเดินทางในการปฏิบัติงาน ตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด (ร่างมาตรา 16)
10. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้ดำเนินการเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาการเกษตรแห่งชาติจากผู้แทนภาคเกษตรกรรมและแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้เสร็จภายในสองร้อยสี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (ร่างมาตรา 17 และร่างมาตรา 18))
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 พฤษภาคม 2550--จบ--