การลงนามเอกสารโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการสืบสวน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 29, 2010 15:23 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การลงนามเอกสารโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการสืบสวน การข่าวกรองและการอุตสาหกรรม

เพื่อตอบสนองต่อการลักลอบค้ายาเสพติดและเคมีภัณฑ์ สารตั้งต้น

คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามในเอกสารโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการสืบสวน การข่าวกรอง และการอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองต่อการลักลอบค้ายาเสพติดและเคมีภัณฑ์ สารตั้งต้น โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ลงนามต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

1. กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) รายงานว่า ประเทศไทยได้ร่วมเป็นภาคีบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายฯ เพื่อการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย กัมพูชา จีน พม่า ลาว ไทย เวียดนาม สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC โดยที่เคยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2536 และได้มีการดำเนินความร่วมมือกับประเทศภาคีบันทึกความเข้าใจดังกล่าวภายใต้แผนปฏิบัติการในอนุภูมิภาคเพื่อการควบคุมยาเสพติดในโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการฯ จำนวนหลายโครงการจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้นำเสนอแผนปฏิบัติการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น และได้รับอนุมัติให้มีการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ในโครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2539

สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC ได้เสนอโครงการใหม่ที่จะดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการดังกล่าว คือ โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการสืบสวน การข่าวกรอง และการอุตสาหกรรมเพื่อตอบสนองต่อการลักลอบค้ายาเสพติดและเคมีภัณฑ์ สารตั้งต้น หรือ โครงการ K19 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการปราบปรามยาเสพติด และการค้ายาเสพติดและป้องกันการยักย้ายถ่ายเทเคมีภัณฑ์ สารตั้งต้น รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด สำหรับโครงการ K19 นี้ จะมีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 4 ปี ดำเนินการใน 9 ประเทศ คือ หกประเทศภาคีภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายฯ รวมกับอีก 3 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการฯ คือ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

2. ยธ. ได้พิจารณาเห็นว่า โครงการ K19 จะเป็นประโยชน์ต่อความร่วมมือด้านการปราบปรามการผลิตยาเสพติดของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด เนื่องจากเป็นการควบคุมมิให้มีการยักย้ายถ่ายเทเคมีภัณฑ์ สารตั้งต้น จากแหล่งที่ใช้อย่างถูกกฎหมายไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดผิดกฎหมายที่อยู่ภายนอกประเทศไทย นอกจากนี้ โครงการ K19 ยังเป็นโครงการที่เน้นการสืบสวนหาโรงงานลักลอบผลิตยาเสพติดประเภทสารกระตุ้นต่อจิตและประสาท (Amphetamine-types Stimulants) หรือ ATS ซึ่งกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นในภูมิภาคแห่งนี้ ดังนั้น จึงเป็นการควบคุมอุปทานของยาเสพติดชนิดดังกล่าวในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มิให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น

3. ต่อมา ยธ. ได้มีหนังสือด่วนมากที่ ยธ 1107/11737 ลงวันที่ 13 กันยายน 2553 แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 190 ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ K19 ว่า การดำเนินโครงการจะไม่เข้าข่ายมาตรา 190 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เนื่องจากเอกสารโครงการไม่ได้เป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญาหรือมีผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศไทย หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุนหรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมนี้ ยธ. ได้แนบหนังสือกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ด่วนมาก ที่ กต 1002/1105 ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ที่ได้เสนอข้อพิจารณาเกี่ยวกับโครงการ K19 ดังกล่าว โดย กต. ไม่ขัดข้องในประเด็นสารัตถะ และได้ปรับแก้ไขร่างเอกสารโครงการฯ

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 กันยายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ