คปภ. จับมือ ก.ล.ต. และองค์กรภาคีร่วมผลักดันไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงิน

ข่าวทั่วไป Tuesday September 24, 2013 14:41 —คปภ.

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และอีก 12 องค์กรภาคี ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงิน ณ ห้องประชุม ชั้น 15 สำนักงาน ก.ล.ต. ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่าการให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนเป็นภารกิจของหลายๆ องค์กร สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานของรัฐก็มีภารกิจในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยแก่ประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งได้มีการดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่สำนักงาน กลต. ได้ริเริ่มโครงการเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงิน เพื่อเชิญชวนให้องค์กรภาคการเงินต่างๆ ได้เข้าร่วมเป็นภาคีในการให้ความรู้ด้านการเงินแก่ประชาชน เสริมสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาคีถึงขอบเขต แผนการดำเนินงานการให้ความรู้ด้านการเงินของแต่ละองค์กร ว่ามีกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาหลัก รูปแบบการจัดของแต่ละแผนงาน/โครงการ เพื่อให้องค์กรอื่นได้ทราบ และสามารถวิเคราะห์หาโอกาสในการบูรณาการ การปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพื่อลดความช้ำซ้อนในการดำเนินงานระหว่างกัน รวมถึงเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และสื่อความรู้ด้านการเงิน การลงทุน และการบริหารความเสี่ยงต่างๆ อีกด้วย

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ และทักษะด้านการเงิน อาทิ การขาดวินัยการออม การใช้จ่ายเกินตัว การก่อภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจระดับชาติได้ การลงนามในบันทึกความเข้าใจในฉบับนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่องค์กรภาคีซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นองค์กรที่มีภารกิจที่หลากหลาย ทั้งการกำกับดูแล การให้บริการ การพัฒนาการให้บริการด้านการเงินแก่ประชาชนจะจัดร่วมกันทำกิจกรรมให้ความรู้ทางการเงินเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินของประชาชน และสามารถมีผลสำเร็จของภาพรวม และสถิติร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดเงินของไทยมากยิ่งขึ้นต่อไป

ที่มา: http://www.oic.or.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ