สำนักงาน คปภ. ได้ประสานสำนักงาน คปภ. จังหวัดบุรีรัมย์ เบื้องต้นทราบว่ารถกระบะคันดังกล่าว ได้จัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กับบริษัท สหมงคลประกันภัย จำกัด (มหาชน) และทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งผู้ประสบภัยจะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย ดังนี้
1. ผู้ประสบภัยเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร ทายาทจะได้รับค่าสินไหมทดแทน ดังนี้
1.1 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 200,000 บาทต่อคน (ผู้ขับขี่จะได้รับเพียงค่าเสียหายเบื้องต้น) และ
1.2 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กรณีไม่มีผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาทต่อคน หรือกรณีมีผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 300,000 บาทต่อคน และ
1.3 ความคุ้มครองการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) สำหรับผู้ขับขี่ 1 คน และผู้โดยสาร 4 คน จำนวน 50,000 บาทต่อคน หากผู้โดยสารเสียชีวิตมากกว่า 4 ราย ค่าสินไหมทดแทนจะนำมาเฉลี่ยให้ทายาทผู้เสียชีวิตรายละเท่าๆ กั
2. ผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ได้ดังนี้
2.1 ความคุ้มครองจากการประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน และค่าชดเชยรายวัน สำหรับผู้ประสบภัยที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน และ
2.2 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ได้รับค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เกินจาก พ.ร.บ. ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
รองเลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถึงแม้จะเป็นแรงงานต่างด้าวเมื่อประสบอุบัติเหตุก็ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยเช่นกัน โดยในเบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่บริษัท สหมงคลประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการประสานโรงพยาบาลที่รับรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยเพื่ออำนวยความสะดวกด้านค่ารักษาพยาบาล และสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อประสานทายาทผู้เสียชีวิตและรับรองหลักฐานประกอบการรับค่าสินไหมทดแทน จากเหตุการณ์ดังกล่าวขอให้ประชาชนเห็นประโยชน์และความสำคัญของการทำประกันภัยรถยนต์ ทั้งประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ และการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของรถและผู้ประสบภัยได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 และเว็ปไซต์ www.oic.or.th
ที่มา: http://www.oic.or.th