นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) เป็นเครื่องมือช่วยบริหารความเสี่ยงภัยธรรมชาติให้เกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัย และเป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณของรัฐบาล โดยเกษตรกรจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยตามระดับความเสี่ยงภัยตั้งแต่ 60 – 100 บาท/ไร่ ส่วนที่เหลือรัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้เกษตรกร และเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจะได้รับเงินอุดหนุนอีก 10 บาท/ไร่ การรับประกันภัยแบ่งพื้นที่จังหวัดทั่วประเทศตามความเสี่ยงภัยรวม 5 โซน ค่าเบี้ยประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 ดังนี้
เมื่อได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 6 ภัย ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และไฟไหม้ เกษตรกรจะได้รับความคุ้มครอง 1,111 บาท/ไร่ และความเสียหายที่เกิดจากศัตรูพืชหรือโรคระบาด จะได้รับความคุ้มครอง 555 บาท/ไร่ ซึ่งภัยดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในระยะเวลาที่เอาประกันภัย โดยบริษัทประกันภัยจะพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริง เพื่อรับค่าสินไหมทดแทน (กษ.02 เพื่อการประกันภัย) ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ)
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า ขณะนี้มีบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ 7 บริษัท ได้แก่ บมจ. กรุงเทพประกันภัย บมจ. เจ้าพระยาประกันภัย บมจ. ทิพยประกันภัย บมจ. นวกิจประกันภัย บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ บมจ. ทูนประกันภัย และ บมจ. วิริยะประกันภัย สำนักงาน คปภ. จึงขอเชิญชวนให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 เพราะจะช่วยบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งเบี้ยประกันภัยยังลดลงกว่าปีก่อนทุกพื้นที่เฉลี่ย 4.8 % อีกด้วย เกษตรกรสามารถติดต่อเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทุกสาขาทั่วประเทศ.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 และเว็บไซต์ www.oic.or.th
ที่มา: http://www.oic.or.th