ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีการทำประกันภัยน้อย ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และอาจยังไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้ระบบประกันภัยบริหารความเสี่ยงของธุรกิจ ดังนั้นคปภ.จึงมีนโยบายเน้นการให้ความรู้ ความเข้าใจถึงความสำคัญของการทำประกันภัยต่อการประกอบกิจการของเอสเอ็มอีมากขึ้น
สำหรับความคุ้มครองจากการทำประกันภัย ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรให้ความสำคัญ คือ การประกันอัคคีภัย การประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน การประกันภัยโจรกรรม การประกันภัยสำหรับเงิน การประกันภัยอุบัติเหตุในสถานประกอบการ การประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอกและการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก เป็นต้น ทั้งนี้ปัจจุบันมีกรมธรรม์ประกันภัย ขายเป็นแบบแพคเกจ ให้ผู้ประกอบการ SME เลือกตามความเสี่ยง นางคนึงนิจ กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทประกันภัยนั้น ควรเตรียมการรองรับกับลูกค้าเอสเอ็มอี ที่จะเข้าสู่ระบบประกันภัยมากขึ้น รวมถึงความหลากหลายของธุรกิจเอสเอ็มอีที่จะมีมากขึ้นเช่นกัน บริษัทประกันภัยในฐานะ ผู้ออกกรมธรรม์ จึงต้องออกแบบผลิตภันฑ์ให้ตรงกับความต้องการ และเหมาะสมกับธุรกิจของเอสเอ็มอี เพราะนอกจากจะดึงดูดความน่าสนใจแล้ว ยังเป็นการบริหารความเสี่ยงให้กับบริษัทประกันภัยเองด้วย
“ธุรกิจเอสเอ็มอี มีหลายประเภท บริษัทประกันภัยเองก็ต้องเตรียมความพร้อมในการรับความเสี่ยงสำหรับธุรกิจนั้นๆ ได้มากมายเพียงใดและอาจจะต้องมีการกระจายความเสี่ยงด้วยการทำประกันภัยต่อไปยังต่างประเทศ การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและความพร้อมของบริษัท จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะบริหารความเสี่ยงของตนด้วย ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย กล่าว
ที่มา: http://www.oic.or.th