บทความน่ารู้จาก Exim : เวียดนาม เกาะติดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 9, 2014 15:05 —ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า

แม้ในปี 2556 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจเวียดนามต้องเผชิญกับปัญหารุมเร้านานัปการ ทั้งความต้องการบริโภคในประเทศที่ซบเซา ระบบธนาคารมีหนี้เสียในระดับสูง และในประเทศที่ซบเซา ระบบธนาคารมีหนี้เสียในระดับสูง และมีบริษัทปิดกิจการมากที่สุดเป็นประวัติการณ์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่เศรษฐกิจโดยรวมยังมีทิศทางดีขึ้น สะท้อนได้จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ค่าเงินด่องมีเสถียรภาพมากขึ้น ภภาคส่งออกขยายตัวดีขึ้นและทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลเวียดนาม ภาวะตลาดภายในประเทศโดยเฉพาะตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคกก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในเวียดนาม รวมทั้งผู้ที่สนใจเข้าไปดำเนินธุรกิจในเวียดนามควรทราบถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ตลอดจนแสวงหาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสมตลอดจนแสวงหาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม ท่ามกลางภาวะการแข่งขันในเวียดนามที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ

แนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนามและแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการของผู้ประกอบการ
  • การหลั่งไหลเข้ามทำตลาดของบริษัทชั้นนำระดับโลก ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทชั้นนำระดับโลกหลายแห่งททยอยเข้ามาทำตลาดในเวียดนามมากขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งรวมถึงการเข้ามาเปิดกิจการของ Burger King หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญระดับโลกที่ให้บริการอาหารจานด่วน ซึ่งเปิดร้านอาหารสาขาแรกที่นครโฮจิมินห์ เมื่อเดือนตุลาคม 2555 ตามด้วย Starbucks ร้านกาแฟระดับแนวหน้าที่มีสาหลายหมื่นแห่งทั่วโลก เข้ามาเปิดร้านกาแฟสาขาแรกที่นครโฮจิมินห์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 นอกจากนี้ McDonald บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกที่ให้บริการอาหารจานด่วน เตรียมเปิดร้านอาหารสาขาแรกในนครโฮจิมินห์เช่นเดียวกันภายในปี 2557 และมีแผนเปิดอีก 100 สาขาทั่วประเทศ ขณะที่บริษัทชั้นนำระดับโลกอื่นๆ ที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามก่อนหน้านี้ระดับโลกอื่นๆ ที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามก่อนหน้านี้ อาทิ Coca Cola และ P&G ก็มีแผนขยายการลงทุนในเวียดนาการหลั่งไหลเข้ามาของบริษัทเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพและนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุดในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม การบุกตลาดเวียดนามของบริษัทชั้นนำระดับโลกทำให้บริษัทท้องถิ่นและบริษัทต่างชาติขนาดกลางและขนาดเล็กที่เข้ามาลงทุนในเวียดนเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันเพื่อความอยู่รอดในธุรกิจ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไปบริษัทท้องถิ่นในเวียดนามซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่เป็นที่ยอมรับนักและไม่มีการลงทุนเพื่อสร้างตราสินค้าอย่างต่อเนื่อง จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทชั้นนำระดับโลกที่หลั่งไหลเข้ามาในเวียดนาม ทั้งนี้ ปจจุบันบริษัทท้องถิ่นของเวียดนามที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมีอยู่เพียงไม่กี่ราย อาทิ Vinamilk (บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม) และ Tr Trung Nguyen Coffee (บริษัทท้องถิ่นผู้ครองตลาดร้านกาแฟในเวียดนามตลาดร้านกาแฟในเวียดนาม)

ข้อแนะนำ :สินค้าอุปโภคบริโภคที่จะสามารถแข่งขันในตลาดเวียดนามได้นั้นจำเป็นได้นั้นจำเป็นต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงตราสินค้าออย่างสม่ำเสมอผ่านช่องทางการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อให้ผู้บริโภคเพื่อให้ผู้บริโภคทราบถึง ความแตกต่างกับสินค้าคู่แข่ง อันจะทำให้การทำการตลาดของสินค้านั้นรวดเร็วและงง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคยอมรับและตัดสินใจซื้อสินค้าในที่สุด ทั้งนี้ ผู้บริโภคในเวียดนามส่วนใหญ่มักเลือกซื้อสินค้าที่มีตราสินค้าเป็นที่ยอมรับ รวมทั้งนิยมบริโภคสินค้าระดับกลางถึงระดับบนมากขึ้นตามระดับรายได้ที่สูงขึ้นบนมากขึ้นตามระดับรายได้ที่สูงขึ้น

  • การเข้าสู่ยุคการตลาดแบบดิจิตอลและการตลาดบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ดิจิตอลและการตลาดบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ในปี 2556 จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนแตะระดับ 32.6 ล้านคน (คคิดเป็นร้อยละ 35.6 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ) โโดยร้อยละ 73 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีอายุต่ำกว่า 35 ปีปี และร้อยละ 61 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเคยซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ นอกจากนี้ ราวร้อยละ 60 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในเวียดนามสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานเว็บไซต์ Google ในเวียดนามอยู่ใในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 96 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดในเวียดนาม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเปิดโอกาสให้นักการตลาดหันมาทำโฆษณา บนโทรศัพท์มือถือ (Mo Mobile Advertising) มากขึ้น รวมทั้งธุรกิจประเภท Search Engine Optimization (SEO) ในเวียดนามก็ไได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่ง SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์และกระบวนการต่างๆ ของเว็บไซต์ตั้งแต่การออกแบบ เขียนโปรแกรม และการโปรโมทเว็บไซต์ เพื่อให้ติดอันดับต้นๆ ของเครื่องมือค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ (Search Engine) แช่น Google เป็นต้น ทั้งนี้ การตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคชาวเวียดนามขึ้นอยู่กับคำแนะนำจากบุคคลใกล้ชิด เช่น บุคคลในครอบครัว และเพื่อน ผ่านการสร้างกระแสแบบปากต่อปาก (Words of Mouth) ซึ่งกำลังมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าของชาวเวียดนามมากขึ้นเป็นลำดับและเมื่อผนวกกับกระแสเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น ทำให้นักการตลาดหันมาใช้กลยุทธ์สื่อสารทางการตลาดผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ซึ่งเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จมากในปัจจุบัน โดยบริษัทส่วนใหญ่มีการจัดตตั้งแฟนเพจ (Fan Page) บนเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าสังคมออนไลน์เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้า รวมทั้งมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น บริษัท Fo Ford Vietnam เปิดตัวรถยนต์ Ford Fiesta ภายใต้แคมเปญ "F "Fiesta Hunt" บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งสามารถดึงดูดให้มีผู้เข้ามาชมแคมเปญดังกล่าวได้มากกว่า 8 80,000 ราย

ข้อแนะนำ : นับตั้งแต่ปี 2556 เวียดนามได้ก้าวเข้าสู่ยุคการตลาดแบบดิจิตอลและการตลาดบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในเวียดนามต้องปรับตัวและอาศัยความสามารถในการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายในการทำการตลาดและสื่อสารกับลูกค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ผู้ประกอบกาควรพัฒนาโปรแกรมและแอพพลิเคชั่นบนมือถือสำหรับธุรกิจของตนและเลือกใช้เครื่องมือ SEO ในการทำการตลาด ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสและช่องทางการจำหน่ายให้มากขึ้น รวมทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการทำ SEO มมีราคาถูกกว่าสื่อโฆษณาประเภทอื่นๆ ทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งพิมพ์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถใช้งบประมาณทางการตลาดได้อย่างคุ้มค่าที่สุด การสามารถใช้งบประมาณทางการตลาดได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าได้อีกทางหนึ่ง

  • การปรับปรุงตราสินค้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความยั่งยืนของสินค้าในระยะยาว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทท้องถิ่นในเวียดนามต้องปิดกิจการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางขาลง ประกอบกับบริษัทท้องถิ่นส่วนใหญ่ขาดความสามารถในการแข่งขันและสินค้าขขาดพลังของตราสินค้า (Brand Power) ทำให้ธุรกิจไม่สามารถอยู่รอดได้ในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญวิกฤต ขณะที่บริษัทที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ (เช่น การปรับขนาดและราคาของสินค้าให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ การมอบคูปองส่วนลดออนไลน์ในช่วงเทศกาลต่างๆเพื่อกระตุ้นยอดขาย) แลมีตราสินค้าที่แข็งแกร่ง เช่น Vinamilk, Duo Duoc Hau Giang (บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และเครื่องสำอางชั้นนำของเวียดนาม) และ Sabeco (บริษัทผู้ผลิตเบียร์ชั้นนำของเวียดนาม ภายใต้ตราสินค้า Saigon Beer และ 3 333 Beer) ไม่เพียงแต่สามารถอยู่รอดได้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ธุรกิจยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ข้อแนะนำ :การดำเนินธุรกิจในเวียดนามผู้ประกอบการควรมีการปรับปรุงตราสินค้าและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ควรมีการลงทุนในระยะยาวเพื่อมุ่งสร้างตราสินค้าให้แข็งแกร่งและมีความแตกต่างจากสินค้าควรมีการลงทุนในระยะยาวเพื่อมุ่งสร้างตราสินค้าให้แข็งแกร่งและมีความแตกต่างจากสินค้าของคู่แข่ง เช่น Vinamilk ออกผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตแบบใหม่ภายใต้ชื่อ "Pro Beauty" พพร้อมทั้งสโลแกน "New Yogurt gives you beautiful skin" ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าการบริโภคโยเกิร์ตดังกล่าวจะทำให้มีผิวที่สวยงามขึ้น เป็นต้น

Disclaimer : ข้อข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด

--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--


แท็ก เวียดนาม  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ