เก็บตกจากต่างแดน: พฤติกรรมผู้บริโภคและโอกาสของสินค้าไทยในบราซิล

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 26, 2015 14:28 —ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า

เมื่อเอ่ยถึงตลาดบราซิล หลายท่านอาจยังไม่รู้สึกคุ้นเคยเท่ากับตลาดส่งออกหลักอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐยุโรป ญี่ปุ่น จีน หรือแม้กระทั่งอาเซียน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์การค้าในปัจจุบันที่การส่งออกไปตลาดส่งออกหลักเผชิญกับหลากหลายปัญหา อาทิ EU ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) กับสินค้านำเข้าจากไทย อีกทั้งจีนชะลอการนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงจากไทย หลังจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว จนส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทย ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกไปตลาดหลัก การแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ โดยเฉพาะบราซิลก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากบราซิลจะมีตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรสูงกว่า 200 ล้านคน มากที่สุดในลาตินอเมริกา และมากเป็นอันดับ 6 ของโลกแล้ว กำลังซื้อของผู้บริโภคชาวบราซิลมีแนวโน้มสูงขึ้นตามเศรษฐกิจบราซิลที่คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 1.8 ในช่วงปี 2558-2562 ขณะเดียวกันบราซิลยังมีศักยภาพในการเป็นประตูการค้าไปสู่ประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง (MERCOSUR) ซึ่งประกอบด้วยบราซิลอาร์เจนตินา เวเนซุเอลา ปารากวัย และอุรุกวัย เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมีความตกลงเขตการค้าเสรีร่วมกัน อีกทั้งบราซิลยังได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ Rio de Janeiro ในปี 2559 ที่คาดว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศและเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในบราซิล ซึ่งจะผลักดันให้ตลาดสินค้าในบราซิลขยายตัวได้อีก

“เก็บตกจากต่างแดน” ฉบับนี้จึงรวบรวมลักษณะเด่นและพฤติกรรมที่น่าสนใจของผู้บริโภคชาวบราซิล รวมถึงตัวอย่างสินค้าไทยที่มีโอกาสส่งออกไปบราซิล เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่สนใจจะส่งออกไปบราซิล มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้

ลักษณะเด่นและพฤติกรรมที่น่าสนใจของผู้บริโภคชาวบราซิล
  • ชาวบราซิลราว 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดอาศัยใน 5 เมืองสำคัญ โดยเฉพาะ Sao Paulo (ศูนย์กลางธุรกิจและการเงินของบราซิล) Rio de Janeiro (เมืองท่องเที่ยวสำคัญ) และ Brasilia (เมืองหลวงของบราซิล) ซึ่งชาวบราซิลที่อาศัยในเมืองสำคัญดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง มีทางเลือกในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลาย รวมทั้งเริ่มหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น จึงมักเลือกซื้ออาหารอินทรีย์ (Organic Food) และอาหารที่มีไขมันต่ำหรือปราศจากไขมัน (Light or Fat-free Food) นอกจากนี้ การที่ชาวบราซิลทั้งชายและหญิงใส่ใจในการรักษาบุคลิกภาพของตนและชื่นชอบการดูแลรูปลักษณ์ให้ดูดีอยู่เสมอ ทำให้ตลาดสินค้าเครื่องสำอาง อาทิ ครีมบำรุงผิว ครีมลบเลือนริ้วรอย ครีมกันแดด และน้ำหอมระงับกลิ่นกาย มีโอกาสขยายตัวอีกมาก
  • ชาวบราซิลนิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะอาหารมื้อกลางวันซึ่งชาวบราซิลถือว่าเป็นอาหารมื้อสำคัญ โดยนิยมออกไปรับประทานนอกบ้านตามร้านอาหารหรือภัตตาคารกับเพื่อนร่วมงานหรือครอบครัว ทั้งนี้ ชาวบราซิลที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่รับประทานอาหารนอกบ้านบ่อยครั้งกว่าชาวบราซิลที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ และชนบทห่างไกลถึง 2 เท่า ร้านอาหารที่ชาวบราซิลนิยมมาก คือ ร้านอาหารแบบบริการตนเอง ซึ่งให้ลูกค้าตักอาหารและนำไปชั่งน้ำหนักเพื่อคิดราคา สำหรับร้านอาหารต่างชาติ อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่นและร้านอาหารเกาหลีได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคชาวบราซิล ขณะที่ร้านอาหารไทยยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เนื่องจากมีจำนวนสาขาน้อย อย่างไรก็ตาม ความนิยมอาหารไทยเริ่มมีทิศทางดีขึ้นสังเกตได้จากร้านอาหารที่มีชาวเอเชียเป็นเจ้าของ หลายร้านนิยมนำรายการอาหารไทยเสริมไว้ในรายการอาหารหลัก โดยอาหารไทยที่ได้รับความนิยม คือ แกงเขียวหวานไก่ และต้มข่าไก่
  • การโฆษณาและขายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์เป็นช่องทางการตลาดที่ทรงอิทธิพล Euromonitor เปิดเผยว่าปัจจุบันชาวบราซิลราว 80 ล้านคน หรือราวร้อยละ 40 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน อีกทั้งมีแนวโน้มหันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น โดยคาดว่ายอดจำหน่ายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 ของมูลค่าจำหน่ายสินค้าทั้งหมดในปี 2559 เทียบกับปี 2555 ที่มียอดดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 5 ทั้งนี้ สินค้าที่ชาวบราซิลนิยมซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต อาทิ โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ หนังสือ และแผ่น CD เพลงหรือภาพยนตร์ เว็บไซต์ที่ชาวบราซิลนิยมใช้หาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า อาทิ www.Mercadolivre.com.br, www.Submarino.com.br และ www.Buscape.com.br
  • ชาวบราซิลนิยมเลือกซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต โดยเฉพาะ Walmart, Carrefour, Extra และ P?o de A??car เพราะเป็นแหล่งรวมสินค้าอุปโภคบริโภคหลายประเภท หลากหลายตราสินค้าให้เลือก การเปรียบเทียบราคาและคุณภาพทำได้ง่าย อีกทั้งมีสาขาจำนวนมากทำให้สะดวกในการซื้อ ดังนั้น การหาลู่ทางวางจำหน่ายสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าวจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคชาวบราซิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ชาวบราซิลนิยมจับจ่ายซื้อสินค้าจำนวนมากในช่วงเทศกาลสำคัญ อาทิ งานคาร์นิวัล (Carnival) ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงแห่งการเฉลิมฉลองสำคัญประจำปี โดยนิยมใช้เวลาร่วมฉลองกับครอบครัวหรือเพื่อนสนิท รวมถึงช่วงเทศกาลคริสต์มาส เพราะเป็นช่วงที่ชาวบราซิลมีกำลังซื้อสูงสุดในรอบปีหลังได้รับเงินโบนัสประจำปี และเป็นช่วงที่ชาวบราซิลนิยมหยุดพักผ่อนเพื่อใช้เวลาว่างอยู่กับครอบครัวหรือเดินทางท่องเที่ยว ดังนั้น การโฆษณาสินค้าและวางจำหน่ายสินค้าใหม่ในช่วงดังกล่าวจึงมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าให้เพิ่มขึ้นได้
ตัวอย่างสินค้าไทยที่มีโอกาสส่งออกไปบราซิล

สินค้าอาหาร สินค้าเกษตรและอาหารส่งออกของไทยมีชื่อเสียงด้านคุณภาพและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับสินค้าอาหารของไทยที่มีโอกาสขยายตลาดบราซิล มีดังนี้

  • ข้าว ชาวบราซิลมีวัฒนธรรมการบริโภคข้าว สังเกตได้จากอาหารจานหลักของชาวบราซิลนิยมรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ โดยเฉพาะ Arroz com Feij?o ที่ประกอบด้วยข้าวกับซุปถั่วข้นๆ และเนื้อสัตว์ และ Feijoada คือสตูถั่วกับเนื้อสัตว์หรือไส้กรอกรับประทานคู่กับข้าว นอกจากนี้ การขยายตัวของร้านอาหารเอเชียในย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของบราซิล ซึ่งมีการนำรายการอาหารไทยมาไว้บริการลูกค้า ยังช่วยสร้างโอกาสในการส่งออกข้าวหอมมะลิของไทยที่มีรสชาติอร่อยและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเพิ่มขึ้นด้วย
  • อาหารทะเลแช่เย็นแช่แข็งและอาหารทะเลกระป๋องแปรรูป โดยเฉพาะทูน่าและปลาซาร์ดีนบรรจุกระป๋องทั้งแบบในน้ำมันพืช ซอสมะเขือเทศ และน้ำมันมะกอก ซึ่งสามารถนำมาดัดแปลงทำอาหารได้หลากหลาย ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคชาวบราซิลที่เน้นอาหารราคาประหยัดและต้องการความสะดวกรวดเร็วในการปรุง
  • วัตถุดิบและเครื่องปรุงรส โดยเฉพาะเส้นก๋วยเตี๋ยว สำหรับใช้ทำผัดไทยรวมถึงน้ำปลา น้ำพริกเผา กะปิ ซอสหอยนางรม น้ำกะทิบรรจุกระป๋อง น้ำจิ้มไก่ ล้วนเป็นสินค้าที่ร้านอาหารมีแนวโน้มต้องการเพิ่มขึ้น เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญที่จำเป็นต่อการปรุงอาหารไทยซึ่งมีรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ ผงปรุงรสสำเร็จรูปเป็นสินค้าที่มีโอกาสขยายตัวเช่นกัน สำหรับผู้บริโภคชาวบราซิลที่ต้องการปรุงอาหารไทยรับประทานเองที่บ้าน
  • น้ำผลไม้ โดยเฉพาะน้ำมังคุด น้ำสับปะรด น้ำมะพร้าว และผลไม้กระป๋องโดยเฉพาะเงาะ ลิ้นจี่ และลำไยบรรจุกระป๋อง เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ไม่สามารถปลูกได้ในบราซิล หรือบางชนิดปลูกได้แต่มีรสชาติและคุณภาพด้อยกว่าของไทย
  • อัญมณีและเครื่องประดับ Euromonitor ประเมินว่า ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับของบราซิลมีมูลค่าราว 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2556 และคาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวได้อีก ตามกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวบราซิลที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสในการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยซึ่งมีชื่อเสียงด้านคุณภาพและราคาสมเหตุผล โดยเฉพาะเครื่องประดับทอง 18K ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มสุภาพสตรีที่มีอายุระหว่าง 25-44 ปี ซึ่งอยู่ในวัยทำงานและเริ่มประสบความสำเร็จในสายอาชีพ จึงนิยมเลือกซื้อทั้งแหวน สร้อยคอ และต่างหูทองคำประดับเพชรหรือพลอยที่มีสีสันสดใส สำหรับสวมใส่เข้ากับชุดทำงานเพื่อเสริมบุคลิกภาพ ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่มีกำลังซื้อไม่มากนักนิยมเลือกซื้อเครื่องประดับเงินและเครื่องประดับเทียมที่ออกแบบตามสมัยนิยมและสอดแทรกลักษณะเด่นทางธรรมชาติที่งดงามของบราซิล หรือวัฒนธรรมพื้นเมืองของชาวอินเดียแดงเข้าไว้ในตัวเรือน ดังนั้น ผู้ประกอบการที่สนใจเจาะตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในบราซิลควรรู้จักกับรสนิยมเฉพาะดังกล่าว เพื่อใช้ออกแบบสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
งานแสดงสินค้าที่สำคัญในบราซิล

งานแสดงสินค้าที่สำคัญในบราซิล ในปี 2558 มีงานแสดงสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยควรหาโอกาสเยี่ยมชมหรือนำสินค้าเข้าร่วมงาน ซึ่งนอกจากจะมีส่วนช่วยสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ๆ จากการพบปะคู่ค้าและผู้บริโภคชาวบราซิลโดยตรงแล้ว ยังใช้เป็นโอกาสสำรวจทิศทางและแนวโน้มตลาดสินค้าส่งออกไปพร้อมๆ กันด้วย อาทิ งาน FENINJER ซึ่งเป็นงานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับใหญ่ที่สุดของบราซิล จัดขึ้นที่ Sao Paulo ระหว่างวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2558 และงาน SIAL Brazil 2015 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่สำคัญของบราซิลและภูมิภาคลาตินอเมริกา จัดขึ้นที่เมือง Sao Paulo ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2558

แม้บราซิลเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการค้า แต่ผู้ส่งออกไทยที่สนใจเจาะตลาดบราซิลควรระลึกเสมอว่า การทำการค้ากับบราซิลยังมีข้อจำกัดบางประการ อาทิ อุปสรรคด้านภาษา เนื่องจากชาวบราซิลใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการและเจรจาธุรกิจ ผู้ส่งออกไทยจึงควรหาล่ามในการเจรจาติดต่อธุรกิจกับชาวบราซิลด้วยเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากความเข้าใจไม่ตรงกัน นอกจากนี้ ผู้ส่งออกสินค้าที่มีน้ำหนักมากและสินค้าที่มีกำไรค่อนข้างต่ำควรพิจารณาเรื่องต้นทุนค่าขนส่งสินค้าที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากระยะทางไกลกันมาก อีกทั้งผู้ประกอบการไทยควรศึกษากฎระเบียบการค้าการลงทุน ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจก่อนตัดสินใจบุกตลาดบราซิล

Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด

--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เดือนมีนาคม 2558--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ