สถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าไทย-อิตาลีประจำเดือนมีนาคม 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 25, 2011 11:24 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สถานการณ์การค้าของไทย-อิตาลี

มูลค่าการค้ารวม

เดือนมีนาคม 2554 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 343.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.9 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2553) โดยได้ดุลการค้า 58.43 ล้านเหรียญสหรัฐ

ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2554 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 964.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 เทียบกับเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2553) โดยได้ดุลการค้า 90.1 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกของไทยไปยังอิตาลี

เดือนมีนาคม 2554 ไทยส่งออกมายังตลาดอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 201.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อย ละ 34.8 เทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยปกติจะพบว่า แพทเทริ์นการส่งออกสินค้าของไทยมีลักษณะแนวโน้มคล้าย ๆ กันในแต่ละปี โดยเดือนที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดคือ เดือนพฤษภาคมและจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปและจะกลับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเดือนกันยายนและลดลงในช่วงพฤศจิกายนและเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมอีกครั้ง

สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรกในเดือนมีนาคม เช่น ยางพารา (สัดส่วน 13%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (สัดส่วน 11.7%) ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง (สัดส่วน 6.7%) อัญมณีและเครื่องประดับ (สัดส่วน 5%) และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (สัดส่วน 4.9%) เป็นต้น

โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมีนาคม 2554 เทียบกับเดือนก่อนหน้า ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (+157.1%) ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ (+128.9%) เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+125.8%) อาหารสัตว์เลี้ยง (+79.9%) และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (+78%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง ได้แก่ เหล็ก และเหล็กกล้า (-21.7%) สิ่งทออื่น ๆ (-11.9%) และเครื่องนุ่งหุ่ม (-6%) เป็นต้น

ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2554 ไทยส่งออกมายังตลาดอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 527.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2553

สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรก เช่น ยางพารา (สัดส่วน 11.9%) อัญมณีและเครื่องประดับ (สัดส่วน 11.2%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (สัดส่วน 9.8%) ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง (สัดส่วน 5.8%) และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (สัดส่วน 4.3%) เป็นต้น

โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2554 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวของปีก่อนหน้า ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (+245.3%) ยางพารา (+115.7%) ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ (+137.2%) เม็ดพลาสติก (+107.5%) และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (+48.1%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-24.5%) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-17.3%) เครื่องนุ่งห่ม (-15.7%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (-10%) และผ้าผืน (-4.4%) เป็นต้น

การนำเข้าของไทยจากอิตาลี

เดือนมีนาคม 2554 ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 142.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ8.2 เทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งไทยมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 18.9 ล้านเหรียญสหรัฐเทียบกับการนำเข้าเดือนมีนาคม 2553 โดยปกติจะพบว่าไทยนำเข้าสินค้าจากอิตาลีมีลักษณะแนวโน้มคล้าย ๆ กันในแต่ละปี โดยเดือนที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุดคือ เดือนมีนาคมและจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไปและกลับมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมและพฤศจิกายนของทุกปี

สินค้านำเข้าที่สำคัญจากอิตาลี ได้แก่ เครื่องจักรและส่วนประกอบ (สัดส่วน 24.4%) เคมีภัณฑ์ (สัดส่วน 10%) ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (สัดส่วน 7.5%) ผลิตภัณฑ์โลหะ (สัดส่วน 5.3%) และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (สัดส่วน 5.2%) เป็นต้น

โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเดือนมีนาคม 2554 เทียบกับเดือนก่อนหน้า ได้แก่ เครื่องประดับอัญมณี (+168%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (+155.9%) เคมีภัณฑ์ (+80.5%) ด้ายและเส้นใย (+70.2%) และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (+36.3%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง เช่น ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ (-47.3%) สินแรโลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ (-25.8%) สินค้าทุนอื่น ๆ (-21.5%) เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (-18.7%) และเลนซ์ แว่นตาและส่วนประกอบ (-16.9%) เป็นต้น

เดือนมกราคม-มีนาคม 2554 ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 437.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันปี 2553

สินค้านำเข้าที่สำคัญจากอิตาลี ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (สัดส่วน 27%) เคมีภัณฑ์ (สัดส่วน 7.2%) ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (สัดส่วน 6.2%) เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (สัดส่วน 4.9%) และผลิตภัณฑ์โลหะ (สัดส่วน 4.5%) เป็นต้น

โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2554 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวของปีก่อนหน้า ได้แก่ กาแฟ ชา เครื่องเทศ (+3,465.6%) ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ (+337.1%) ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก (+76.7%) ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (+58.5%) และเคมีภัณฑ์ (+44.5%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง เช่น สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ (-40.4%) เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (-22.8%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (-21.7%) ด้ายและเส้นใย (-16.5%) และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (-8%) เป็นต้น

สินค้าไทยที่มีแนวโน้มส่งออกเพิ่มขึ้นในปี 2554

1. อัญมณีและเครื่องประดับ ในเดือนมีนาคม 2554 การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยอาจมีปัจจัยมาจากการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ที่มีปริมาณน้อยส่งผลให้อิตาลีเพิ่มการนำเข้าในเดือนมีนาคม สำหรับภาพรวมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับเป็นที่ผ่าน ๆ มาถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ของไทยที่ยังคงครองตลาดอิตาลีมาโดยตลอด และคาดว่าในปีนี้อิตาลีจะนำเข้าเครื่องประดับเงินเพิ่มมากขึ้น

2. เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เดือนมีนาคม 2554 ไทยส่งออกเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบมายังอิตาลีมีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2554 โดยในปีนี้คาดว่าอิตาลีอาจมีการนำเข้าเครื่องปรับอากาศฯ เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อเป็นการเตรียมจำหน่ายในช่วงฤดูร้อนที่จะมาถึง

3. ยางพารา สำหรับเดือนมีนาคม 2554 ยางพารายังเป็นสินค้าส่งออกอันดับแรกของไทย โดยในปี 2554 คาดว่าความต้องการยางพาราในอิตาลียังคงขยายตัวอย่างต่อจากปี 2553 โดยเฉพาะยางรถยนต์และถุงมือยางซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการใช้เป็นอย่างมาก

4. ปลาหมึกสด แช่แข็งแช่เย็น เดือนมีนาคม 2554 การส่งออกปลาหมึกสด แช่แข็ง แช่เย็นไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2554 โดยในปี 2553 อิตาลีมีการบริโภคอาหารทะเลแช่เย็น แช่แข็ง มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 ซึ่งไทยมีส่วนครองตลาดอันดับ 1 แต่ในปีที่ผ่านมาผู้ส่งออกไทยไม่สามารถส่งออกได้ตามความต้องการเพราะสินค้ามีจำกัดทำให้เสียโอกาส โดยปี 2554 คาดว่าไทยจะสามารถส่งสินค้าได้ตามความต้องการของตลาดอิตาลี

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมิลาน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก อิตาลี   สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ