การเติบโตของธุรกิจไวน์ในฮ่องกง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 11, 2011 13:56 —กรมส่งเสริมการส่งออก

การยกเลิกภาษีไวน์ดันธุรกิจไวน์ในฮ่องกงเติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่รัฐบาลยกเลิกภาษีไวน์ในปี พ.ศ. 2551 เพื่อผลักดันฮ่องกงไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าไวน์ในภูมิภาคเอเชีย โดยมาตรการดังกล่าวได้ส่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เนื่องจากรายได้จากธุรกิจไวน์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30

เมื่อปี พ.ศ. 2550 รัฐบาลฮ่องกงลดภาษีไวน์จากร้อยละ 80 เป็นร้อยละ 40 และยกเลิกภาษีอย่างสิ้นเชิงในปี พ.ศ. 2551 ทำให้ผู้นำเข้าไวน์และผู้บริโภคไม่ต้องเสียภาษีไวน์อีกต่อไป ในขณะที่ประเทศจีนยังคงภาษีไวน์อยู่ที่ร้อยละ 40 ส่วนประเทศอื่นๆ อาทิ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นกำหนดภาษีไวน์อยู่ที่ร้อยละ 5-20 ซึ่งการยกเลิกภาษีไวน์ในฮ่องกงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้นักธุรกิจฮ่องกงในอุตสาหกรรมอื่นหันมาให้ความสนใจธุรกิจนี้ โดยปัจจุบันฮ่องกงมีร้านจำหน่ายไวน์มากถึง 3,550 ร้าน ซึ่งมีการจ้างพนักงานประจำกว่า 5,000 คน

ธุรกิจไวน์ทำกำไรสูงและยังมีแนวโน้มที่ดี ทั้งนี้ ธุรกิจจำหน่ายไวน์ไม่ต้องใช้เงินทุนมากนักในระยะเริ่มแรก จึงเหมาะกับวิสาหกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง(SMEs) อย่างไรก็ตาม ความท้าท้ายในธุรกิจไวน์ในฮ่องกง คือ การสรรหาทรัพยากรบุคคล เพราะปัจจุบันทางร้านยังขาดแคลนผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับไวน์ จึงต้องมีการอบรมพนักงานก่อน ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินการสูงขึ้น

นอกจากร้านจำหน่ายไวน์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นแล้ว การยกเลิกภาษียังดึงดูดองค์กรประมูลต่างๆ ให้เข้ามาจัดงานประมูลไวน์ในฮ่องกง ตลาดไวน์ในเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศจีน กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันประเทศจีนเป็นตลาดที่ครองส่วนแบ่งของไวน์ Bordeaux มากที่สุดในโลก และความต้องการไวน์จากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นได้ทดแทนกำลังซื้อที่ลดลงจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งแต่เดิมประเทศอังกฤษและเยอรมนีเป็นตลาดใหญ่ของไวน์ดังกล่าว

นอกจากนี้ นักลงทุนชาวฮ่องกงบางคนยังนิยมลงทุนในธุรกิจไวน์ และเชื่อว่าการลงทุนดังกล่าวจะให้กำไรมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น โดย Liv-ex Fine Wine ซึ่งเป็นตลาดหุ้นของไวน์เกรดสูงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึงร้อยละ 57 แซงหน้าตลาดทองที่มีมูลค่าเพิ่มเพียงร้อยละ 29 รวมถึงตลาดหุ้น Hang Seng ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น อย่างไรก็ดี การผลิตไวน์ในแต่ละฤดูกาลยังมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เช่น สภาพอากาศ ปริมาณขององุ่นที่เก็บเกี่ยวได้ และประการสำคัญ คือ ผู้ผลิตไม่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตไวน์ในฤดูกาลที่ผ่านมา(vintage) แล้วได้ ความไม่สมดุลกันของอุปสงค์และอุปทานในตลาดไวน์จึงถือเป็นความท้าท้ายที่แท้จริงในธุรกิจนี้

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ