๑. ภาวะเศรษฐกิจและการค้าในช่วง ๒ สัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ ยังคงทรงตัวหลังจากกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในช่วง ๒ สัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้ สมาพันธ์ผู้ค้าปลีกแห่งอิตาลี (CONFCOMMERCIO) ได้รายงานว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ เพิ่มขึ้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของปี ๒๕๕๔ โดยเพิ่มขึ้น ๑.๑% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น ๐.๔% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ความหวังต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่
๒. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ( Industrial Input) ISTAT ได้รายงานว่าในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ เพิ่มสูงขึ้น ๑% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น ๓.๗% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ ๐.๒% และเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย ๐.๑% ตั้งแต่กรกฎาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นมา)
- การผลิตยานยนต์ในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ เพิ่มขึ้น ๑๓.๖% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ๒๕๕๓ และในช่วง ๔ เดือนแรก (มกราคม-เมษายน ของปี ๒๕๕๔ การผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นเพียง ๘% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ ประธานกลุ่มลูกจ้างแห่งอิตาลีกล่าวว่าแม้ผลผลิตจะดีขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๑ ถึง ๑๖% โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเยอรมันซึ่งสามารถฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่ ๔.๒% )
๓. สมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งอิตาลี (CONFINDUSTRIA) ได้รายงานว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีได้หยุดชะงักอย่างแท้จริงตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว และทำให้อิตาลีถูกลดอันดับในกลุ่มประเทศที่มีผลผลิตสูงสุดจากอันดับที่ ๕ เป็นอันดับที่ ๗ โดยมี อินเดียและเกาหลีใต้เลื่อนอันดับขึ้นแทนที่ และมีความเสี่ยงที่จะถูกบราซิลแซงหน้า
๔. ISTAT ได้รายงานว่าภาวะเศรษฐกิจอิตาลียังคงต้องพยายามมากขึ้นเพื่อให้ฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจ ต่อไป โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๔ เศรษฐกิจอิตาลีมีอัตราการเจริญเติบโต (GDP) เพิ่มขึ้นเพียง ๐.๑% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น +๑% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้อิตาลีมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศในสหภาพยุโรปด้วยกัน โดยเยอรมันมี GDP เพิ่มขึ้น +๑.๔% ฝรั่งเศส +๑% และอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของ ๑๗ ประเทศในกลุ่มยูโรโซนเพิ่มขึ้น +๐.๘% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ภาคอุตสาหกรรมที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญคือภาคเกษตรกรรม ซึ่งปรากฎว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๔ มีอัตราการเจริญเติบโต +๒.๓% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และช่วยให้มีการจ้างงานในภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น ๑.๙% โดยสมาพันธ์ผู้ผลิตสินค้าเกษตรแห่งอิตาลี (COLDIRETTI) ได้เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูร้อนนี้จะมีการจ้างงานคนหนุ่มสาวจำนวนถึง ๒๐๐,๐๐๐ คนในฟาร์มและไร่องุ่น
นอกจากนี้กลุ่มตัวแทนผู้บริโภคได้แก่ Federconsumatori และ Adubef ได้เปิดเผยว่าค่อนข้างผิดหวังกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น +๐.๑% ดังกล่าว และคาดว่าภายในสิ้นปี ๒๕๕๔ GDP จะเพิ่มขึ้นเพียง ๑% ซึ่งนับว่าดีที่สุดในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงมีแนวโน้มที่ค่อนข้างแย่จากข้อมูลต่างๆ เช่น การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง ๖.๕% เมื่อเทียบกับ ๓ ปีที่ผ่านมา การว่างงานที่สูงกว่า ๘% และสินเชื่อของผู้บริโภคที่ลดลง ๕.๓% ซึ่งธนาคารแห่งอิตาลีได้ยืนยันว่าผลจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนแอดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเป์าหมายในการลดการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะของอิตาลีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
๕. ธนาคารแห่งอิตาลีได้รายงานว่าหนี้สาธารณะในเดือนเมษยน ๒๕๕๔ มีจำนวน ๑,๘๙๐.๖ พันล้านยูโร สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (เพิ่มขึ้น ๒๒ พันล้านยูโรจากเดือนก่อนหน้า) โดยในช่วงต้นปี ๒๕๕๔ หนี้สาธารณะได้เริ่มขยับสูงขึ้น ๒.๕% หรือเพิ่มขึ้น ๔๗.๖พันล้านยูโรจากช่วงปลายปี ๒๕๕๓ และตั้งแต่เมษายน ๒๕๕๓ เป็นต้นมาหนี้สาธารณะได้เพิ่มสูงขึ้น ๔.๑๔% หรือเพิ่มขึ้น ๗๕.๒ พันล้านยูโร
ภูมิภาคที่มีหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากได้แก่ภูมิภาคทางตอนใต้โดยเฉพาะซิชิลี และซาร์ดิเนีย ตามด้วยภูมิภาคทางตอนกลางและภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือ โดยภูมิภาคทางตอนใต้มีหนี้ทั้งสิ้นจำนวน ๒๕.๒ พันล้านยูโร (+๒%) และภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือมีหนี้สินจำนวน ๑๖.๘ พันล้านยูโร (+๑.๒% ) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน
๖. ISTAT ได้เปิดเผยรายงานการจ้างงานในอิตาลีว่าสถานการณ์การจ้างงานในตลาดอิตาลีค่อนข้างซับซ้อน และไม่เหมือนกันในแต่ละพื้นที่ซึ่งแบ่งออกได้เป็น ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ของประเทศ โดยระดับการว่างงานในทางตอนใต้และภาคเหนือจะแตกต่างกันอย่างมาก เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น การพัฒนาของภาคเศรษฐกิจ ประเภทของงาน คุณสมบัติ เพศและอายุ ในขณะที่การว่างงานในภาคกลางจะอยู่ในระดับปานกลาง
ทั้งนี้ จากสถิติของ ISTAT ปรากฎว่าในปี ๒๕๕๒ ระดับการว่างงานเฉลี่ยในอิตาลีค่อนข้างผันผวนอยู่ที่ ๑.๘% - ๖.๖% และมีค่าการว่างงานต่อจำนวนคนงานอิตาลีแยกตามพื้นที่คือ ๑.๘ ในทางตอนเหนือ ๒.๑ ในทางตะวันตกเฉียงเหนือ, ๑.๒ ในทางตะวันออกเฉียงเหนือ, ๓.๑ ในทางตอนกลาง และ ๖.๖ ในทางตอนใต้
ทั้งนี้ในภาคเหนือของอิตาลีจะมีความต้องการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตขั้นกลางสูงกว่าทางภาคใต้ ในขณะที่ทางภาคใต้มีความต้องการจ้างงานในภาคการเกษตรค่อนข้างสูง เช่น แคว้นคาลาเบรีย (๙.๕% ของการจ้างงานในท้องถิ่น) ปูเลีย (๘.๗%) บาซิลิกาต้า (๗.๖%) ซิชิเลีย (๗.๒%) และโมลิเซ่ (๖.๙%)
๗. สมาพันธ์ผู้ผลิตสินค้าเกษตรแห่งอิตาลี (COLDIRETTI) ได้รายงานว่า ในปี ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา อิตาลีสามารถเอาชนะฝรั่งเศสในฐานะผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ที่สุดของโลกได้ โดยมีผลผลิตไวน์ ๔๙.๖ เฮคโตลิตร ในขณะที่ฝรั่งเศสผลิตได้ ๔๖.๒ ล้านเฮคโตลิตร (การผลิตไวน์ในสหภาพยุโรปในปี ๒๕๕๓ มีจำนวนรวม ๑๕๗.๒ พันล้านเฮคโตลิตร ลดลง ๓.๗% จากปีก่อนหน้า)
COLDIRETTI ได้ย้ำว่าอิตาลีเป็นประเทศผู้ผลิตไวน์คุณภาพชั้นนำโดยมากกว่า ๖๐% เป็นไวน์ชนิดบรรจุขวดจากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยม ซึ่งที่ผ่านมาอิตาลีส่งออกไวน์ชนิดไม่บรรจุขวดไปฝรั่งเศสค่อนข้างมาก โดยฝรั่งเศสจะนำไปผสมและบรรจุขวดเป็นไวน์แบรนด์ฝรั่งเศสจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง เช่นไวน์ Beaujolais เป็นต้น นอกจากนี้ อิตาลียังเป็นผู้ผลิตสปารค์ลิ้งไวน์ที่เรียกว่า Prosecco และ Spumante รายใหญ่ ด้วยผลผลิตปริมาณ ๔.๒ ล้านเฮคโตลิตรมากกว่าฝรั่งเศสที่มีผลผลิตแชมเปญปริมาณ ๔ ล้านเฮคโตลิตร
ทั้งนี้ในปี ๒๕๕๓ อิตาลีมีการส่งออกไวน์เพิ่มขึ้นสูงกว่าการบริโภคภายในประเทศซึ่งนับเป็นครั้งแรก โดยมีมูลค่าการส่งออก ๓.๙๓ พันล้านยูโร และในช่วง ๒ เดือนแรกของปี ๒๕๕๔ อิตาลีส่งออกไวน์ไปสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น ๖% ในขณะที่ส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น ๑๔๖%
๘. สมาพันธ์ผู้ประกอบการท่องเที่ยวแห่งอิตาลี (Federerturismo - Confindustria) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจำนวน ๖๐๐ บริษัท (โรงแรม, ผู้ประกอบการอาบน้ำแร่และบริษัทท่องเที่ยว) ได้คาดการณ์ว่าในช่วงฤดูร้อน (พฤษภาคม - ตุลาคม) ปี ๒๕๕๔ นี้อิตาลีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ๑.๘% และมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวอิตาเลี่ยนที่ท่องเที่ยวภายในอิตาลีเพิ่มขึ้น ๑.๙% ในขณะที่ จะมีการใช้จ่ายลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา ประเภทการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีการเจริญเติบโตมากที่สุด ได้แก่ การท่องเที่ยวแบบประหยัด (ecotourism) การท่องเที่ยวเรือครุยซ์ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ส่วนการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจและการประชุมต่างๆ CISET คาดว่าจะมีจำนวนลดลง (โดยปกติความต้องการจะลดลงในช่วงฤดูร้อน)
ทั้งนี้ คาดว่าในปี ๒๕๕๔ ท้องถิ่นในทางตอนกลางของแคว้นทัสคานีจะมีอัตราการเจริญเติบโตของการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ยกเว้นญี่ปุ่นซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ) แยกเป็นนักท่องเที่ยวจากสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น +๙.๓% นักท่องเที่ยวอเมริกันเพิ่มขึ้น +๕.๓% จากบราซิลเพิ่มขึ้น +๑๐% จากอินเดียเพิ่มขึ้น +๑๒.๑% จากจีนเพิ่มขึ้น +๒๐% และจากรัสเซียเพิ่มขึ้น +๓๐%
สถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นที่นิยมใน ๓ อันดับแรกคือ แคว้นทัสคานี รองลงมาเป็นแคว้นเวเนโต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเวนิซ และแคว้นลาซิโอ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงโรม
๙. นาง Emma Marcegaglia ประธานสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งอิตาลี (CONFINDUSTRIA) ได้กล่าวในการประชุมสหภาพอุตสาหกรรมแห่งเมืองตูรินว่า รัฐสภาอิตาลีและกรรมาธิการยุโรป จำเป็นที่จะต้องอนุมัติงบประมาณวงเงิน ๔๐ พันล้านยูโร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานการปฏิรูปแห่งชาติของอิตาลีโดยเร็วที่สุด ในขณะ เดียวกันรัฐบาลก็จำเป็นจะต้องดำเนินมาตราการเพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงการกระตุ้นผ่านเงินงบประมาณ และการลดภาษีให้แก่บริษัทและลูกจ้างด้วย แม้ว่าเศรษฐกิจอิตาลีจะผ่านพ้นวิกฤติไปได้แล้วแต่ในด้านตลาดเงินยังคงมีความละเอียดอ่อน และเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเช่นเดียวกับกรีซ
ทั้งนี้ กระทรวงเศรษฐกิจอิตาลีจะต้องหารายได้ให้ได้อย่างน้อย ๔๐ พันล้านยูโร ตามที่สหภาพยุโรปกำหนด และจะต้องจัดทำงบประมาณสมดุลย์ ให้ได้ภายในปี ๒๕๕๗ ๑๐. ตัวชี้วัดเศรษฐกิจอิตาลี ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๔
จำนวน เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนเทียบกับช่วงเดียวกัน
ไตรมาสก่อนหน้า ปีก่อน
๑. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (พ.ค.๕๔) +๐.๑% +๑.๑% ๒. คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรม (พ.ค.๕๔) +๐.๔% +๒.๕% ๓. การบริโภค (เม.ย ๕๔) +๐.๔% +๑.๑% ๔. ภาวะเงินเฟ้อ (พ.ค ๕๔) +๐.๑% +๒.๖% ๔. อัตราการจ้างงาน (เม.ย ๕๔) ๕๖.๙% -๐.๒% -๐.๒% (จำนวนคนที่ได้รับจ้างงาน) (๒๒,๘๙๕,๐๐๐คน) ๕. อัตราการว่างงาน (เม.ย ๕๔) ๘.๑% -๐.๒% -๐.๖% (จำนวนคนว่างงาน) (๒,๐๐๕,๐๐๐ คน) ๖. GDP (ไตรมาสแรก ปี ๕๔) ๓๐๖,๕๕๑ +๐.๑% +๑%(ล้านยูโร) ที่มา: Confindustria, ConFcommercio, ISTAT
ที่มา: http://www.depthai.go.th