สถานการณ์การผลิต และการตลาดสินค้าเม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติกในประเทศฟิลิปปินส์
ประเทศฟิลิปปินส์มีอุตสาหกรรมการผลิต Petrochemical Industry เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ เช่นอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติก อุตสาหกรรมสิ่งทอ และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น โดยมีกำลังการผลิตปีละประมาณ 100,000 เมตริกตัน จำแนกเป็น Polypropylene, Polyethylene ,Polyvinyl Chloride, และ Polystyrene ตามลำดับ แต่ผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องและใช้วัตถุดิบพลาสติกในฟิลิปปินส์ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับตั้งแต่ปี 2000 จึงทำให้เกิดความต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าในรูปวัตถุดิบ โดยจากสถิติการนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติก มีการนำเข้าประมาณปีละ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20 % และในปี 2011 มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.5 โดยมีการนำเข้ามากตามลำดับคือ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย จีน มาเลเซีย และไต้หวัน ตามลำดับ โดยนำเข้าจากประเทศไทยมากเป็นอันดับที่ 4 มีมูลค่าการนำเข้าจากไทยประมาณปีละ 80 ล้านเหรียญสหรัฐ
MFN ร้อยละ 1-15
ASEAN CEPT (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 อัตราภาษีร้อยละ 0)
การนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติก จะผ่านผู้นำเข้ารายใหญ่ และส่งสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศฟิลิปปินส์ โดยแหล่งจำหน่ายในฟิลิปปินส์จะอยู่ที่เมืองเกซอนซิตี้เป็นส่วนใหญ่
รสนิยมของผู้บริโภคฟิลิปปินส์ เริ่มเปลี่ยนไปตามนโยบายรัฐบาลในทางที่จะช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติและลดมลภาวะโลกร้อนมากยิ่งขึ้น สินค้าพลาสติกเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ประเทศฟิลิปปินส์รณรงค์ ให้มีการใช้น้อยลงโดยเฉพาะภาชนะพลาสติกในอุตสาหกรรมอาหารที่เดิมมีใช้กันอย่างแพร่หลายแต่ในปัจจุบันมีการทดแทนโดยผลิตภัณฑ์กระดาษ แต่สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์และสิ่งทอ ยังคงมีการใช้วัตถุดิบพลาสติกอยู่ แต่ในอนาคตกำลังมีผลิตภัณฑ์ทดแทนประเภทอื่นๆ
ฟิลิปปินส์นำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติกจากไทยมาเป็นอันดับที่ 4 รองจาก สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยมีมูลค่าการนำเข้าใกล้เคียงกันคือ ปีละประมาณ 90 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติกมีแนวโน้มเริ่มลดลง
- อุตสาหกรรมการก่อสร้างและการผลิตเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังคงมีความต้องการใช้วัตถุดิบเม็ดพลาสติก จึงทำให้สินค้าไทยยังสามารถขยายตลาดส่งออกมายังฟิลิปปินส์ได้ โดยไทยมีความได้เปรียบในเรื่องระยะทางขนส่งทางเรือที่ใกล้กว่าประเทศคู่แข่งอื่นๆ
- แนวโน้มการใช้วัตถุดิบเม็ดพลาสติกในอุตสาหกรรมอาหารและเฟอร์นิเจอร์ มีแนวโน้มลดลงอาจทำให้วัตถุดิบเม็ดพลาสติกจากไทยมีความต้องการใช้ลดลง
- ความตกลง AFTA ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ทำให้อัตราภาษีนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติกจากไทยเหลือร้อยละ 0 น่าจะเป็นโอกาสอันดีของการส่งออกเม็ดพลาสติกจากไทยมายังฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น
- ฟิลิปปินส์จัดว่าเป็นประเทศที่มีการกีดกันทางการค้าสูง โดยเฉพาะมาตรการ NTB หากมีผู้ประกอบการในประเทศได้รับความเดือดร้อนจากสินค้านำเข้า มาตรการ Safeguard และอื่นๆ อาจถูกนำมาใช้เพื่อจำกัดการนำเข้าได้
สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
มกราคม 2555