อัญมณีและเครื่องประดับของฮ่องกง
อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในฮ่องกง ส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับที่มีราคา เนื่องจากต้องตอบสนองการขยายตัวของความต้องการจากตลาดภายในประเทศ รวมถึงการขายให้กับนักท่องเที่ยว และการส่งออกต่อไปยังประเทศอื่นๆ(Re-export) ปัจจุบันฮ่องกงเป็นผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับเทียมอันดับสองของโลก และเป็นอันดับห้าในการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับมีราคา
เครื่องประดับที่ผลิตในฮ่องกงมีหลากหลายตั้งแต่ราคาปานกลางถึงสูง ฮ่องกงจะชำนาญในการทำเครื่องประดับแฟชั่นที่ใช้อัญมณีเม็ดเล็กๆ และเครื่องประดับทองคำแท้ และมีการพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าไข่มุกมาได้สักระยะแล้ว
แม้ว่ากระบวนการผลิตที่เพิ่มมูลค่าสูงขึ้นจะอยู่ในฮ่องกง แต่กระบวนการที่ใช้โรงงานผลิตได้ย้ายไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะแถวเซินเจิ้น(Shenzhen) ปานหยู(Panyu) โดยไปลงทุนสร้างโรงงานหรือ outsourcing และโรงงานเหล่านี้มีการนำเทคโนโลยี่ใหม่ๆ จากคอมพิวเตอร์มาช่วยด้านการออกแบบเพื่อทำให้สินค้ามีการพัฒนาได้เร็วขึ้น
ผลจากข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างฮ่องกงกับจีนแผ่นดินใหญ่(Mainland and Hong Kong Closer Economic Partnership Arrangement(CEPA)) ทำให้สินค้าที่ผลิตในฮ่องกง รวมถึงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ส่งออกไปจีนแผ่นดินใหญ่ ได้รับยกเว้นภาษีศุลกากรตั้งแต่ปี 1 มกราคม 2006
- ฮ่องกงเป็นผู้ส่งออกเครื่องประดับมีค่าเป็นอันดับ 5 ของโลกรองจากอินเดีย สหรัฐอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์และอิตาลี โดยส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 37(2011) และร้อยละ 21 (2010) อย่างไรก็ตามเนื่องจากราคาโลหะและอัญมณีพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมากทำให้หากพิจารณาในเชิงปริมาณแล้วการส่งออกลดลง
- ฮ่องกงส่งออกเครื่องประดับไปยังสามประเทศหลักได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป
และสวิทเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่าร้อยละ 60 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ซึ่งเป็นตลาดเดิมที่ส่งออกติดต่ออย่างต่อเนื่องของฮ่องกง ในขณะที่ตลาดเอเชียที่มีผลตอบรับดี ได้แก่ มาเก๊า อาเซียน และอินเดีย ในสินค้าไข่มุก อัญมณีพลอยและเพชร ขยายตัวร้อยละ 33 ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2011
- ฮ่องกงเป็นผู้ส่งออกเครื่องประดับเทียมใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากจีนแผ่นดินใหญ่ ในปี 2010 ฮ่องกงส่งออกเครื่องประดับเทียมมูลค่า 8.4 พันล้านเหรียญฮ่องกง และปี 2011 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ไม่เหมือนเครื่องประดับแท้ เครื่องประดับเทียมฮ่องกงจะเป็นการ Re-export จากประเทศอื่นทั้งหมด จีน(ร้อยละ 93)
- ผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของฮ่องกง คู่แข่งที่สำคัญได้แก่ จีนแผ่นดินใหญ่ อินเดียและไทย ประกอบกับความผันผวนของราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นของวัตถุโลหะมีค่า เพชร พลอยสีทำให้กำไรลดลง แต่เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นอุตสาหกรรมนี้สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มนี้ไปยังผู้ซื้อหรือผู้บริโภคได้ง่ายกว่าหากเป็นการขึ้นของโลหะ/อัญมณีมีค่า อย่างอย่างไรก็ตามผู้ขาย ผู้นำเข้ามักต่อรองให้ขยายระยะเวลาเครดิตหรือการเปลี่ยนสินค้าที่ขายไม่ได้/ระยะเวลาส่งมอบที่สั้นขึ้น/ออกแบบใหม่
ช่องทางการขายสินค้า
1. โรงงานขนาดกลาง-เล็ก ที่รับจ้างทำเฉพาะด้าน mould making, precision casting, gem-setting, polishing and electroplating
2. โรงงานขนาดใหญ่
3. ผู้ค้าปลีกเครื่องประดับการผลิตเครื่องประดับจำนวนมากๆ โดยทั่วไปต้องตั้งโรงงานที่มีเครื่องจักรทันสมัยใช้เทคโนโลยี่ชั้นสูง เครื่องประดับที่ฮ่องกงส่งออกส่วนใหญ่จะใช้แบรนด์และโลโก้ของลูกค้า มีผู้ผลิตบางรายเริ่มมีการตั้งสำนักงาน/ร้านค้า ในต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการขาย นอกจากนั้น การขาย online ก็เป็นแนวโน้มที่เป็นที่นิยม
ผู้ผลิตฮ่องกงบางราย ได้ขยายธุรกิจสู่การค้าปลีกในฮ่องกง เนื่องจากเห็นศักยภาพของการท่องเที่ยวในฮ่องกง จากสถิติการท่องเที่ยวฮ่องกงในปี 2010 นักท่องเที่ยวที่มาพำนักในฮ่องกงจะใช้จ่ายถัวร้อยละ 25 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในการซื้อนาฬิกาหรือเครื่องประดับ(จากจีนจะใช้ถึงร้อยละ 28)
นอกจากมีผู้ประกอบการฮ่องกงบางเจ้าได้ขยายสาขาไปเปิดในจีนแผ่นดินใหญ่ในรูปแบบแฟรนส์ไชค์/ร่วมลงทุน ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี โดยเฉพาะในภาพลักษณ์ของแบรนด์ จากการสำรวจของ HKTDC พบว่าหากคนจีนต้องการซื้อสินค้าระดับกลางๆ แบรนด์ของฮ่องกงจะเป็นทางเลือกแรกๆ เมื่อเปรียบเทียบกับ แบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ต่างชาติ
การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเป็นวิธีการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการแสวงหาโอกาสทางการค้า นอกจากการจัดคณะไปศึกษาตลาดหรือพบปะเพื่อสร้างเครือข่าย
- เครื่องประดับปัจจุบันเน้นการดีไซค์มากขึ้น ดีไซน์ใหม่ๆ จะช่วยยกระดับสินค้าสู่ตลาดบน ผู้ผลิต/โรงงานจึงจำเป็นที่จะแสวงหาความรู้ทั้งด้านการพัฒนาวัตถุดิบที่ใช้และการสร้างสรรดีไซน์ใหม่ๆ ตลาดเครื่องประดับที่แต่เดิมจะเน้นเฉพาะตลาดระดับบน จะหันมาให้ความสนใจกับกระแสแฟชั่นมากขึ้น เน้นกลุ่มเป้าหมายอายุน้อยลง และมีรายได้ระดับปานกลาง รวมทั้งมีการสร้างแบรนด์มากขึ้น
- เทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้สามารถผลิตเครื่องประดับคุณภาพดีจำนวนมากในราคาที่แข่งขันได้ แม้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับฮ่องกงบางส่วนยังคงเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานที่ใช้ฝีมือล้วนๆ แต่อีกส่วนที่เป็นส่วนใหญ่ได้มีการพัฒนานำเทคโนโลยีทันสมัยช่วยให้ทักษะฝีมือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้น เทคโนโลยีใหม่ๆ ยังช่วยพัฒนาวัตถุดิบใหม่ๆ สำหรับเครื่องประดับแฟชั่น
- ผู้ซื้อรายใหญ่จะเข้ามาแทนรายย่อยมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกาซึ่งในช่วง 10 ปีที่มีผู้ประกอบการรายย่อยลดจำนวนลงไปอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถแข่งกับห้างใหญ่ อาทิ Wal-mart (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 20) , Target, Costco โดยผู้ประกอบการรายใหญ่เหล่านี้มีอำนาจต่อรองสูงเพราะซื้อจำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบการฮ่องกงมีแนวโน้มจะถูกกดดันด้านราคา ณ โรงงานและบริการเสริมอื่นๆ
- ด้านการตลาดและกระจายสินค้า: การสร้างแบรนด์หรือมี License ของตนเองจะเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว เช่นเดียวกับที่โรงงานหันมาทำการตลาดและขายสินค้าเอง นอกจากนั้น การขายออนไลน์และใช้อินเตอร์เน็ตในการโฆษณาสินค้าจะเป็นช่องทางสำคัญต่อไป
ผลจากข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่(CEPA) ทำให้สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่เข้าออกระหว่างฮ่องกงและจีน และมีคุณสมบัติตาม Rule of Origin ไม่ต้องเสียภาษี
หากผลิตภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับที่ไม่มีคุณสมบัติตามข้อตกลง CEPA จะต้องเสียภาษี ร้อยละ 35
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศแหล่งกำเนิด หลักเกณฑ์ของ CEPA สามารถเข้าดูในเว็ปไซค์ที่http://www.tid.gov.hk/english/cepa/tradegoods/files/mainland_2012.pdf
1. ในจีน การค้าทองที่เป็นค้าส่งสำหรับโรงงานผลิตและผู้ค้าส่งปัจจุบันจะค้าใน Shanghai Gold Exchange ในปี 2004 จีนยกเลิกข้อกีดกันที่ต้องมีใบอนุญาต(License) สำหรับการเป็นผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายและค้าปลีกทอง และอนุญาตให้บริษัทจีนบางรายนำเข้าเครื่องประดับทอง ในเดือนสิงหาคม 2010 จีนประกาศอนุญาตให้เพิ่มธนาคารที่จะนำเข้าและส่งออกทอง รวมทั้งขยายโอกาสไปยังบริษัทต่างชาติด้วย และเพิ่มจำนวนบริษัทต่างชาติให้เป็นสมาชิกใน Shanghai Gold Exchange และกำลังพิจารณาที่จะอนุญาตบริษัทค้าทองแท่งต่างชาติที่เหมาะสมเข้ามาค้าในตลาดด้วย
2. ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2005 จีนได้ยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) การส่งออกเครื่องประดับที่ทำจากทองและโลหะมีค่า แต่ยังคงเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้า และตั้งแต่กรกฏาคม 2007 ได้มีการลดหย่อนการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวสำหรับการนำเข้าไข่มุก อัญมณี และโลหะมีค่า บางชนิดจากร้อยละ 13 เป็นร้อยละ 5 แต่ขณะเดียวกันสำหรับเครื่องประดับเทียมได้ปรับอัตราลดหย่อนการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 9
3. การนำเข้าเพชร(ทั้งที่ยังไม่ได้เจียรนัยและที่เจียรนัยแล้วแต่ยังไม่ขึ้นรูป) และส่งออกจะต้องแจ้งต่อศุลกากรใน Shanghai Diamond Exchange(SDE) เพื่อขอยกเว้นภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีบริโภค เพชรที่ค้าใน SDE จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับเพชรที่มาจากภายในประเทศเข้ามาค้าใน SDE จะได้รับการคืนภาษี โดยสามารถรับได้เมื่อเพชรนั้นมีการส่งออก และเพชรจาก SDE ที่นำมาขายในประเทศไม่เสียภาษีนำเข้าแต่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม(ร้อยละ 4 สำหรับเพชรที่เจียรนัยแล้วและไม่ต้องเสียสำหรับเพชรดิบ)
4. จากการที่ฮ่องกงและจีนได้เห็นด้วยกับ Kimberley Process ที่ป้องกันการค้าเพชรอย่างผิดกฏหมายในแอฟริกา ทำให้ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออก การขน การซื้อขายเพชรดิบ จะต้องจดทะเบียนกับ Trade and Industry Department เพื่อได้รับใบอนุญาต KP (Kimberley Process Certificate) ก่อนที่จะนำเข้าและส่งออกเพชรดิบได้
5. กรกฏาคม 2008 สหรัฐฯ ขยายเวลาคว่ำบาตรเศรษฐกิจกับพม่า ซึ่งรวมถึงการห้ามการนำเข้าสินค้าทุกชนิดจากพม่า รวมทั้งเครื่องประดับทุกชนิดที่มีส่วนประกอบของอัญมณี(ทับทิม หยก ฯลฯ) จากพม่าด้วย
6. ต้องให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมากขึ้น อาทิ สหภาพยุโรปห้ามนำเข้าเครื่องประดับที่มีส่วนผสมของนิเกิลเพราะจะเกิดการแพ้กับผู้สวมใส่ได้ สหรัฐอเมริกาควบคมจำนวนสารตะกั่วในเครื่องประดับเทียมต้องสอดคล้องกับที่ US Consumer Product Safety Commission กำหนด
7. มีองค์กรเพิ่มขึ้นในการกำหนดคุณภาพมาตรฐานของอัญมณีที่ใช้ในเครื่องประดับ อาทิ The World Gold Council, the Natural Colour Diamond Association(NCDIA) นอกจากนั้น Tanzanite Foundation กำลังพัฒนาระบบ grading เพื่อใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงในอนาคต
- ในแง่วัตถุดิบทองคำขายยังเป็นที่นิยมหลัก ในขณะที่พลอยสีก็ได้รับความสนใจเช่นกัน ส่วนทองคำก็เป็นที่นิยม แต่ต้องมีการปรับให้ทันสมัยขึ้น ไททาเนียมได้รับความนิยมเรื่องความเบาแข็ง และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เป็นที่น่าสังเกตุว่าความต้องการเครื่องประดับเพชรเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีนี้ โดยเฉพาะในประเทศจีนและอินเดีย เนื่องจากประชากรมีอำนาจการซื้อมากขึ้น ส่วนเครื่องประดับที่มีราคาไม่แพงแต่มีดีไซน์ ทำจากทองและอัลลอย์ก็ได้รับความนิยมมากในหมู่ชนชั้นกลาง
- เครื่องประดับที่เน้นด้านดีไซน์ได้รับอิทธิพลจากแฟชั่นเสื้อผ้า แมกกาซีน ทีวี ภาพยนตร์ จะเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้บริโภคที่อายุน้อย แต่มีอำนาจซื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตลาดเอเซียจากการสำรวจของ De Beers ผู้ซื้อเครื่องประดับรายใหญ่สุดกลายเป็นกลุ่มผู้หญิงที่เริ่มเข้าทำงาน
- รูปแบบการดีไชน์เครื่องประดับ จะได้รับอิทธิพลจากเสื้อผ้ามากขึ้นโดยเฉพาะกับผู้หญิงที่จะใช้เครื่องประดับเป็นเครื่องแสดงถึงสไตล์ เครื่องประดับที่เน้นความอ่อนหวาน โรแมนติก จะนิยมในตลาดระดับสูง เครื่องประดับที่ใช้ใส่ได้ทุกวันจะเป็นที่นิยมในวัยรุ่น
- เครื่องประดับสำหรับผู้ชายจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นความคิดที่ว่าเครื่องประดับเป็นเรื่องของผู้หญิงกำลังจะเปลี่ยนไป เพราะผู้ชายเริ่มเห็นว่าเครื่องประดับดีๆ สามารถทำให้ดูดีได้ อาทิ สร้อยข้อมือ แหวน จี้ กระดุมข้อมือเสื้อ เข้มกลัดเน็คไท แม้ว่าประเภทของเครื่องประดับชายจะจำกัดแต่ตลาดนี้ยังมีศักยภาพอีกมาก
- เครื่องประดับเทียมกำลังกลับมาอีก ปัจจุบันร้ายขายเสื้อผ้าทั้งหลายจะนำเครื่องประดับมาเป็นส่วนประกอบของเสื้อผ้าและขายรวมไปกับเครื่องประดับเทียมที่ใช้อัญมณีที่เป็นพลอยเนื้ออ่อน และคริสตัวสีทั้งหลายจะขายดี
การนำเข้าอัญมณีเจียรนัยและเครื่องประดับนำเข้าได้เสรี สำหรับการนำเข้าเพชร(Diamond Rough) ต้องขอใบอนุญาตนำเข้า (Import Licence) การนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ภาษี 0
รายชื่อผู้ประกอบการและนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับ
Hong Kong Jewelry Manufacturers’ Association
Ft G, 2/F., Phase 2, Kaiser Est, 51 Man Yue St,
Hung Hom, Kowloon, Hong Kong.
Tel. 852-2766 3002
Fax. 852- 2362 3647
Website: www.jewelry.org.hk
ISE Jewellry
Shop BW5, Basement Floor,
The Peninsula Hotel Shopping Arcade
TST, Kln, Hong Kong.
Tel. 852-2366 6561
Fax. 852- 2721 0415
Email: [email protected]
AttnMs. Pak Sze Patsy Lam
Chow Sang Sang Jewellery Co., Ltd.
Tel: 852- 2192 3333
Fax. 852- 2730 9683
Email: [email protected]
Elegant Jewellery Company
Tel: 852- 2364 6255
Email: [email protected]
Eternity Jewelry Company Ltd.
Tel.: 852- 2774 1172
Fax. 2334 5258
Email: [email protected]
Able Jewelry Co., Ltd.
Tel.: 852- 23330009
Fax. 852 2333 9936
Email: [email protected]
Attn: Mr. Ka Kin Lau
Shing Hing Jew Co., Ltd.
Tel.: 852 2738 7623
Fax. 852- 2357 5212
Attn: Ms. Chan Yuk Yin
Owner
Silver Jewellery Co.
Tel: 852- 2784 6676
Email: [email protected]
Julico Jewel Ltd.
Tel: 852- 2972 0922
Fax.: 2974 0122
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง
กันยายน 2555