สภาวะที่จะทำให้เศรษฐกิจสิงคโปร์มีแนวโน้มดีขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 8, 2009 17:25 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. ผลผลิตสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ เริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ผลิตสิงคโปร์เริ่มได้รับการสั่งซื้อจากต่างประเทศแม้ว่าจากระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 1 ปี ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสิงคโปร์อยู่ในสภาวะชะงักงัน แต่ขณะนี้ มีสัญญาณที่จะฟื้นตัวขึ้น โดยดรรชนีการซื้อ (Purchasing Managers’ Index : PMI) สำหรับเดือนมีนาคม 2552 อยู่ที่ระดับ 47.1 เพิ่มขึ้นจากระดับ 45 ของเดือนกุมภาพันธ์ 2552 (นับเป็นระดับ ที่สูงสุดตั้งแต่เดือนกันยายน 2551) และโดยเฉพาะดรรชนี PMI ของสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ ในเดือนมีนาคม 2552 อยู่ที่ระดับ 48.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 43.8 ของเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ทั้งนี้คาดว่าดรรชนี PMI ของสิงคโปร์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นถึงระดับ 50 ในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม 2552 และจะส่งผลให้มีสภาวะมั่นคงต่อไป

2. Monetary Authority of Singapore (MAS) ประกาศว่า จะลดค่าเงินเหรียญสิงคโปร์ลงอีกเมื่อมีการประชุม Semi-annual policy ในเดือนเมษายน 2552 หลังจากที่ MAS ได้ลดค่าเงินฯลงร้อยละ 10 เมื่อเดือนตุลาคม 2551 ทำให้อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐฯ เท่ากับ 1.52 เหรียญสิงคโปร์ อนึ่ง นักเศรษฐ- ศาสตร์ กล่าวว่า ความกดดันของเศรษฐกิจถดถอย และการส่งออกที่ตกต่ำ ได้ทำให้ MAS ปรับให้มีนโยบายลดค่าเงินเหรียญสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่าเงินเหรียญสิงคโปร์ที่อ่อนตัวลง จะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ก็จะทำให้การนำเข้าและการท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวสิงคโปร์มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งนี้ จากการสำรวจธนาคาร 17 แห่ง โดย Bloomberg แสดงให้เห็นถึงค่าเงินเหรียญสิงคโปร์ต่อ เหรียญสหรัฐฯ ในช่วงกลางปี 2552 ดังนี้

       Bank                                Mid-year SGD Value to US$1
1. Calyon Credit Agricole                              1.65
2. Goldman Sachs                                       1.64
3. Societe-Generale                                    1.62
4. HSBC                                                1.60
5. RBS                                                 1.60
6. Macquarie                                           1.60
7. UBS                                                 1.59
8. Sumitomo                                           1.585
9. OCBC                                               1.582
10. Citigroup                                          1.58
11. Standard Chartered                                 1.57
12. UOB                                                1.57
13. DBS Bank                                           1.56
14. Barclays                                           1.56
15. Nomura                                             1.55
16. Mitsubishi UFJ                                     1.50
17. Merrill Lynch                                      1.49
          Median                                      1.582

3. Maritime and Port Authority of Singapore (MPA) ได้ให้ความเชื่อมั่นว่า ไม่มีการปลดระวางเรือขนส่งสินค้า ณ ท่าเรือสิงคโปร์ แม้ว่าเรือหลายร้อยลำได้ถูกปลดระวางทั่วโลกเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกและภาคการเดินเรือขนส่งสินค้าได้รับผลกระทบจากการบีบคั้นของเครดิต ดังนั้น เพื่อความอยู่รอด เจ้าของเรือจึงจำเป็นต้องปลดระวางเรือ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 จำนวนเรือที่ถูกปลดระวางมีถึง 392 ลำ (ประมาณร้อยละ 9 ของจำนวนเรือทั่วโลก) และถึงวันที่ 30 มีนาคม 2552 มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 485 ลำ หรือเท่ากับ 1.41 million twenty-foot equivalent unites (TEU) of capacity

4. International Enterprise Singapore (IE Singapore) ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือบริษัท สิงคโปร์ ที่มีความประสงค์จะเข้าไปลงทุนในประเทศแถบเอเชียกลาง และยุโรปตะวันออก (Central Asia and East Europe) โดยที่ IE Singapore ได้มีการลงนาม a memorandum of understanding (MOU) กับ European Bank for Reconstruction and Development (EBRD) และสนับสนุนเงินจำนวน 636,000 เหรียญสิงคโปร์ เพื่อให้ EBRD สามารถช่วยให้เข้าใจถึงโอกาสทางธุรกิจและศักยภาพของตลาดใน เอเชียกลางและยุโรปตะวันออก และใช้เป็นฐานส่งออกต่อไปยังประเทศในภูมิภาค ทั้งนี้ เริ่มต้นจาก โครงการให้คำปรึกษาใน Kazakhstan เพื่อพัฒนาเครือข่ายการบริการด้านขนส่งโดยอิเล็คทริคในเมือง Almaty และบริษัทให้คำปรึกษาของสิงคโปร์จะได้รับคัดเลือกให้ดำเนินการ นอกจากนี้บริษัทสิงคโปร์ ยังสามารถไปลงทุนในด้านอื่นๆ ได้แก่ การคมนาคม น้ำมันและก๊าซ และธุรกิจสินค้าเกษตรกรรม รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับน้ำและการกำจัดสิ่งปฏิกูล ในรัสเซีย Kazakhstan และ ตุรกี อีกด้วย

5. การเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติในด้านต่างๆ แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจได้แก่

5.1 Japan’s Waseda University Institute of e-government จัดให้สิงคโปร์เป็นอันดับ 1 ด้าน e-govt study ของ 34 ประเทศ รองลงมาได้แก่ สหรัฐฯ สวีเดน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น

5.2 Global Financial Centres Index survey commissioned โดย Z/Yen Group (London-based commercial think-tank) ได้จัดให้สิงคโปร์เป็นอันดับ 3 ของศูนย์กลางการเงินของโลก โดยอันดับ 1 และ 2 คือ ลอนดอน และนิวยอร์ค ตามมาด้วยฮ่องกง ซูริค เจนีวา ชิคาโก แฟรงเฟิร์ต บอสตัน และ ดับบลิน (ไอร์แลนด์)

5.3 Information Technology and Innovation Foundation (non-partisan research group) ได้จัดให้สิงคโปร์เป็นอันดับ 1 ของโลกด้าน innovation and competitiveness โดยที่สิงคโปร์ได้เพิ่มระดับของการลงทุนด้านการศึกษาวิจัยและพัฒนามากขึ้น ประเทศที่ได้รับตำแหน่งรองลงมา ได้แก่ สวีเดน ลักเซมเบิร์ก เดนมาร์ค เกาหลีใต้ สหรัฐฯ ฟินแลนด์ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และ Nafta (the North American Free Trade Agreement cpmprising the US, Mexico and Canada)

5.4 Human Resource Consultancy ECA International ได้จัดให้สิงคโปร์เป็นอันดับ 1 ของโลกด้านประเทศมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดสำหรับ Asian Expats ใน 253 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสิงคโปร์ ได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันมาเป็นปีที่ 10 โดยถือมาตรฐานคุณภาพอากาศ สิ่งก่อสร้างพื้นฐาน สถานที่สำหรับสุขอนามัย และอาชญากรรมต่ำเมืองที่ได้รับตำแหน่งรองลงมา ได้แก่ ซิดนีย์(ออสเตรเลีย) โกเบ(ญี่ปุ่น) เมลเบิร์น(ออสเตรเลีย) โยโกฮามา(ญี่ปุ่น) โคเปนเฮเกน(เดนมาร์ค) โตเกียว(ญี่ปุ่น) แคนเบอร์รา(ออสเตรเลีย) แวนคูเวอร์(แคนาดา) และเวลลิงตัน(นิวซีแลนด์) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสิงคโปร์จะไม่เป็นที่นิยมมากนักสำหรับ European Expats แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกต้นๆ เคียงไปกับโกเบ โยโกฮามา ฮ่องกง และโตเกียว

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ สิงคโปร์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ