สถานการณ์ไข้หวัดหมู (Swine flu) และผลกระทบในประเทศอิตาลี

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 26, 2009 14:32 —กรมส่งเสริมการส่งออก

พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A(H1N1) หรือ swine influenza ในอิตาลี จนบัดนี้ พบผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 9 รายและได้รับการรักษาให้หายเป็นปกติแล้วบุคคลดังกล่าวเกือบทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศแม๊กซิโกทั้งสิ้นปัจจุบันมีการระบาดของโรคดังกล่าวแล้วใน 30 ประเทศ มีผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวแล้ว 5,251 รายมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้ว 61 ราย (ในแม๊กซิโก 56 ราย และในสหรัฐอเมริกา 3 ราย คานาดา 1 ราย และคอสตาริกา 1 ราย) ผู้ป่วยที่ไม่เสียชีวิต กระจายอยู่ในประเทศต่างๆดังนี้ แม๊กซิโก (2,059 ราย) อเมริกา (2,600 ราย) คานาดา (330 ราย) คอสตาริกา (8 ราย) สเปน (95 ราย) อังกฤษ (55 ราย) เยอรมัน (12 ราย) นิวซีแลนด์ (7 ราย) ฝรั่งเศส (13 ราย) อิสราเอล (7 ราย) เอลซาวาดอร์ (4 ราย) ออสเตรีย (1 ราย) ฮ่องกง (1 ราย) เดนมาร์ก (1 ราย) ไอร์แลนด์ (1 ราย) เนเธอร์แลนด์ (3 ราย) เกาหลีใต้ (3 ราย) สวิตเซอร์แลนด์ (1 ราย) สวีเดน (2 ราย) โปตุเกส (1 ราย) โคลัมเบีย (3 ราย) อาร์เจนติน่า (1 ราย) ออสเตรเลีย (1 ราย) บลาซิล (8 ราย) จีน (1 ราย) กัวเตมาลา (1 ราย) ญี่ปุ่น (4 ราย) นอรเวย์ (2 ราย) ปานามา (16 ราย) โปร์แลนด์ (1 ราย)

รัฐบาลอิตาลีโดยกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลโดยตรงได้ออกมาตรการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่A(H1N1)โดยขั้นแรกสุด คือการใช้วิธีการตรวจละเอียดผู้ที่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคในเกณฑ์สูง โดยมีการวัดอุณหภูมิของร่างกายเมื่อลงจากเครื่องบิน และบันทึกให้เป็นกลุ่มผู้ต้องเฝ้าระวัง อีกทั้งห้ามบุคคลดังกล่าวออกไปทำงานหรือไปโรงเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน หลังจากเดินทางถึงอิตาลี (ถึงแม้ว่าช่วงที่มาถึงอิตาลีจะไม่พบอาการผิดปกติใดๆก็ตาม)เพราะภายในระยะเวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่ผู้ติดเชื้อไวรัสจะแสดงอาการไข้ออกมา และหากมีใครมีอาการต้องสงสัย ก็ขอความร่วมมือให้เข้าพบแพทย์ทันทีเพื่อรักษาให้ทันท่วงทีและป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ทางองค์การอนามัยโลกมีความเป็นห่วงและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ และอาจทำ ให้ผู้ป่วยถึงตายได้ อีกทั้งยังไม่มีการยืนยันอย่างแน่นอนถึงวัคซีนที่ใช้ในการรักษาโรคจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการรณรงค์ขอความร่วมมือจากทุกประเทศในการหยุดการระบาดของโรค

ผู้ป่วยจากเป็นไข้หวัดใหญ่ดังกล่าวในอิตาลีมีอายุในช่วง 25-40 ปี ในขณะที่เด็กและผู้สูงอายุมีภูมิคุ้มกันโรคดีกว่า เพราะเป็นวัยที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆตามแผนที่รัฐบาลอิตาลีกำหนดไว้อยู่แล้ว

นอกจากนี้ รัฐบาลอิตาลีได้เตรียมความพร้อมหลายด้านในการรับมือกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ฯ โดยใช้สื่อต่างๆในการเผยแพร่ข่าวสาร ให้ความรู้และคำ แนะนำ เกี่ยวกับการปฎิบัติตนแก่ประชาชนมุ่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกเกินจำเป็น รวมถึงการขอความร่วมมือให้ช่วยสอดส่องดูแลคนใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในอิตาลี

กระทรวงสาธารณสุขอิตาลีได้ออกมาคลายกังวลให้ประชาชนไม่ให้หวั่นวิตกไม่ต้องไปหาซื้อวัคซีนต้านไวรัสดังกล่าวมาเก็บไว้ที่บ้านหรือเพื่อทานป้องกันไว้ก่อน เพราะไม่ใช่การป้องกันโรคแบบช่วยตัวเองที่ถูกวิธี วัคซีนที่ฉีดจะไปทำลายภูมิต้านทานของร่างกายหากไม่มีเชื้อไวรัสในร่างกายจริงการใช้ยาป้องกันหรือรักษาไข้หวัดใหญ่ฯต้องได้รับการตรวจโดยละเอียดจากแพทย์ และให้แพทย์เป็นผู้สั่งใช้ยาเท่านั้นเนื่องจากการใช้ยาต้องใช้เมื่อมีไวรัสนั้นในร่างกายแล้วและต้องใช้ให้ถูกกับเวลาและขนาดจึงจะได้ผลในขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขอิตาลีก็ให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าขณะนี้รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์และป้องกันการระบาดของโรคได้ แต่หากมีการระบาดของโรคอย่างรุนแรงขึ้นก็ได้มีการเตรียมยารักษาไข้หวัดใหญ่ฯไว้แล้ว 40 ล้านชุด เพียงพอสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน

รัฐบาลอิตาลียังไม่ประกาศห้ามการเดินทางไปยังกลุ่มประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคเพียงแต่แนะนำว่าไม่ควรไป และควรป้องกันตัวอย่างไร แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ยกเลิกแผนการไปเที่ยวทั้งในประเทศที่มีการระบาดของโรคสูง รวมถึงประเทศที่ไม่พบการระบาด มีเฉพาะคนบางกลุ่มโดยเฉพาะนักธุรกิจที่จำเป็นต้องไป รัฐบาลฯ ก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีฝูงชนจำนวนมาก เช่น ตลาดโรงหนัง เป็นต้น ที่มีโอกาสการติดเชื้อโรคได้ง่าย

ส่วนการรับประทานหมูนั้น รัฐบาลอิตาลีได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบหมูเลี้ยงตามฟาร์มเลี้ยงต่างๆ อย่างเข้มงวดแล้ว และรับประกันว่าหมูที่มีขายอยู่ในตลาดในประเทศเพื่อการบริโภคขณะนี้เป็นหมูเลี้ยงในประเทศเองทั้งหมด ปลอดโรค มีความปลอดภัยสูง บริโภคได้อย่างสบายใจและจากการตรวจสอบอิตาลีไ ม่มีการนำ เข้าหมูจากประเทศ ในกลุ่มที่มีการระบาดของโรคและไม่ใช่เพื่อการบริโภคของประชาชน ถึงแม้ว่ารัฐบาลฯจะออกมายืนยันความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคและขอร้องให้อย่าหลีกเลี่ยงการทานหมู เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ตาม แต่จากสถิติ การบริโภคหมูลดลงอย่างต่อเนื่องจนซุปเปอร์มาร์เก๊ตและร้านขายเนื้อต้องลดราคาหมูลงเกือบครึ่ง จนราคาหมูหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจนบัดนี้ก็ยังถูกกว่าเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ

ข้อแนะนำในการระมัดระวังและดูแลตัวเองเพื่อป้องกันตัวจากการติดโรค

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้มีไข้ขึ้นไอเจ็บคอปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและร่างกาย ปวดหัว หนาวสั่น เหนื่อย อ่อนเพลีย บางคนมีอาการอาเจียนหรือท้องร่วงด้วยอาการเหล่านี้อาจเป็นผู้ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ทั่วไปหรือสายพันธ์ใหม่ก็ได้ให้อยู่ห่างจากคนที่มีอาการดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อความไม่ประมาท อย่างน้อย 1 เมตร

2. หลีกเลี่ยงการไปในสาธารณสถานที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่นและควรใช้หน้ากากอนามัยคลุมปากและจมูก และควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างมิดชิด ถูกวิธี เปลี่ยนหน้ากากฯบ่อยๆ หรือทันทีที่เปียกแฉะชื้นจากลมหายใจ และต้องไม่นำกลับมาใช้ใหม่

3. หลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ A(H1N1)

4. หมั่นล้างมือบ่อยกว่าปกติ และควรใช้สบู่ด้วยทุกครั้ง ถูให้ทั่วและชำระออกด้วยน้ำมากๆ โดยใช้เวลาล้างมืออย่างน้อย 20 วินาที

5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก ปาก ด้วยมือ เพราะลมหายใจของผู้ป่วย การไอหรือจามและมือเป็นพาหนะแพร่เชื้อมากที่สุด และอวัยวะดังกล่าวเป็นส่วนที่รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย

6. หมั่นเปิดประตูและหน้าต่างในแต่ละวันโดยเฉพาะช่วงเช้าที่มีอากาศบริสุทธิ์เพื่อหมุนเวียนเปลี่ยนอากาศภายในบ้าน

ผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยและสินค้าไทยที่ยังมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น

ในส่วนของประเทศไทย อิตาลีไม่มีการนำเข้าเนื้อหมูสดและแช่แข็งจากไทย ในเดือนมกราคม 2009 การนำเข้าเนื้อหมูสดและแช่แข็งของอิตาลีมีมูลค่า 152.65 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 16.61 การนำเข้าจากประเทศคู่ค้าลดลง ตามลำดับมูลค่า ได้แก่ เยอรมัน (-25.45%) เนเธอร์แลนด์ (-14.19%) และฝรั่งเศส (+3.74%) ส่วนการนำเข้าจากสเปน (+36.72%) และสวิตเซอร์แลนด์ (+7.66%) เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามสินค้าที่นำเข้าส่วนใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปเป็นอาหารสัตว์

สินค้าหมูสดและหมูแช่แข็งจึงไม่ใช่สินค้าที่ไทยได้รับผลกระทบจากไข้หวัดใหญ่ฯ A(H1N1) ส่วนสินค้าอื่นๆ ที่อิตาลีนำเข้าจากไทยได้รับผลกระทบทุกรายการ แต่มีสาเหตุมาจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกตกต่ำและอิตาลีก็ได้รับผลกระทบที่รุนแรงไม่น้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ ส่งผลโดยตรงกับการนำเข้า เพราะในช่วงนี้สินค้าต่างๆ ขายลำบากโดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าจำเป็นจริงๆ และลดการใช้จ่ายต่างๆ ลงอย่างมาก

ภาพรวมการนำเข้าของอิตาลี

ในเดือนมกราคม 2009 มีมูลค่า 30,666.80 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 32.50 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปีก่อน มีการนำ เข้าลดลงเกือบทุกสินค้า อิตาลีนำ เข้าจากไทยมีมูลค่า 156. 40 ล้านเหรียญสหรัฐลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปีก่อนมีสินค้าไม่กี่รายการเท่านั้นที่อิตาลีมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่

1. หมวดสินค้าทางเภสัชกรรม (Phamaceutical products) การนำเข้ามีมูลค่า 1,403.24 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.90 (สินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นคือ ยาคุมกำเนิด ชุดยาสามัญประจำบ้าน ยาบางประเภท) ส่วนหน้ากากอนามัยไม่มีตัวเลขการนำเข้า เนื่องจากอิตาลีสามารถผลิตเองได้และเพียงพอสำหรับตลาดในประเทศการต้องการหน้ากากอนามัยก็ไม่มีความต้องการเพิ่มขึ้นมากนัก ถึงแม้จะมีข่าวการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ฯ แต่ผู้คนทั่วไปก็ไม่สวมหน้ากากอนามัยเพราะถึงจะ มีผู้ป่วยแต่ก็รักษาหายกันหมดแล้ว ประกอบกับอากาศที่ร้อนในขณะนี้ และโดยสภาพของการอยู่อาศัยที่กระจายตัว ไม่หนาแน่นหรือสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น เช่น แหล่ง shopping ในตัวเมืองก็ไม่ถึงกับเบียดเสียดประชิดตัวกันและเป็นสถานที่เปิดอากาศถ่ายเทได้ดียกเว้นที่สนานบินที่เป็นสถานที่ปิดและเป็นที่รวมของผู้คนจากหลายประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่บางคนสวมหน้ากากเพื่อความปลอดภัย แต่ไม่มีการบังคับ

2. หมวดยาสูบ (Tabacco) นำเข้ามูลค่า 251.2 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.12 (ไม่ปรากฎการนำเข้าจากไทย)

3. หมวดของเล่นและอุปกรณ์กีฬา (Toys and Sports equipment) นำเข้ามูลค่า 177.35 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.34 โดยเฉพาะสินค้าเกมส์ (เกมส์เล่นกับทีวีและตู้เกมส์หยอดเหรียญ) ซึ่งเป็นสินค้าที่อิตาลีมีการนำเข้าจากไทย ในเดือนมกราคม 2009 อิตาลีนำเข้าสินค้าเกมส์เป็นมูลค่า 43.40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.05 นำเข้าจากไทยมีมูลค่า 0.12 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 993.50 โดยมีประเทศคู่แข่งตามลำดับมูลค่าคือ จีน (-33.01) ฮ่องกง (492.67) ญี่ปุ่น (190.90) ไต้หวัน (22.40) และเกาหลีใต้ (2,408.40) ที่ยังมีมูลค่ามากกว่าไทย

4. หมวดเครื่องเทศ ชาและกาแฟ (Spices, Coffee and Tea) นำเข้ามูลค่า 146.40 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.40 มีการนำเข้าจากไทย ได้แก่ เครื่องเทศ เป็นมูลค่า 0.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 110.50 และกาแฟ เป็นมูลค่า 0.04 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.70

จากข้อมูลตัวเลขด้านบนและจากการรายงานข่าวประจำวันของสื่อต่างๆ ซึ่งจะได้ยินข่าวเสมอว่าผู้คนมีความเครียดเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี ที่วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณชัดเจนขึ้นเรื่อยและหาวิธีคลายเครียดต่างๆ โดยการสูบบุหรี่ ดื่มชาและกาแฟสำ หรับคนวัยทำ งานและเล่นเกมส์มากขึ้นสำหรับคนในวัยเรียน เพราะเป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการไปดูหนังดูละคร หรือเดินทางท่องเที่ยวที่คนส่วนใหญ่นิยมกันในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะปกติ

5. หมวดเนื้อและปลาแปรรูป (Prepared meat, Fish) นำเข้ามูลค่า 145.50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.60 สินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากไทย ได้แก่ ปลาแช่แข็ง อิตาลีนำเข้ามีมูลค่า 111.40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.50 และนำเข้าจากไทย 40.61ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 266.9 และจากสถิติการนำเข้าสินค้าในหมวดนี้จากไทย เพิ่มขึ้นทุกปี และในปี 2008 เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.80

โอกาสทางการค้าของสินค้าไทยในตลาดอิตาลี

สินค้าอาหารแปรรูปเป็นสินค้าที่ไทยยังมีศักยภาพดี และควรรีบผลักดันและส่งเสริมอย่างจริงจังอาหารแปรรูปได้รับความนิยมและเชื่อถือมากขึ้นเพราะสามารถรับรองเรื่องความปลอดภัยของอาหา รมากกว่าอาหารสด ที่มักมีข่าวออก มาเนือง ๆเสมอเรื่องความ สดและก รติดเชื้อประกอบกับในปัจจุบันที่ชีวิตมีความเร่งรีบขึ้น ทำ ให้คนหันมาหาอาหารแปรรูปมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสะดวกและรวดเร็ว ผู้ผลิตไทยควรศึกษาธรรมเนียมนิยมด้านอาหารของประเทศลูกค้าเพื่อจะสามารถนำไปผลิตสินค้าที่ผู้บริโภคแต่ละตลาดต้องการ โดยเน้นอาหารท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ นอกเหนือจากการนำเสนออาหารไทยหรือเอเชียที่รู้จักกันค่อนข้างแพร่หลายแล้ว และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่น ผัดไทย ข้าวผัด ข้าวราดแกง ข้าวผัดเปรี้ยวหวาน หรือ ซูชิ กรรเชียงปู กุ้งชุปแป้ง เป็นต้น ที่กลุ่มลูกค้าจะเฉพาะกลุ่ม ที่ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีอาหาร ขนม ของขบเคี้ยวที่เป็นสากลมากมายที่ใครก็รู้จักและสามารถขายไปประเทศไหนก็ได้ เช่น แฮมเอร์เกอร์ แซนวิส พิซซ่า สปาเก๊ตตี้มันฝรั่งรสชาติแปลก ส่าหร่ายทะเล เป็นต้น

สรุป

วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและการระบาดของไข้หวัดใหญ่ฯ A(H1N1) พร้อมกันในปีนี้ทำให้การค้าของประเทศทั่วโลกมีความตึงเครียดและหวาดระแวงอย่าง มากต่ออนาคตทุกประเทศต่างพยายามพึ่งตนเองด้วยการลดการนำเข้า และหาทางส่งออกเพื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบซึ่ง ก็ไม่ค่อยได้ผลนักเพราะผู้คนไม่มีกำลังซื้อคง ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอีกนานสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดในสภาวะปัจจุบัน คือ

อาหาร เพราะเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต แต่พฤติกรรมการเลือกซื้อและทานอาหารจะเปลี่ยนไปโดยจะทานอาหารแปรรูปและแช่แข็งมากขึ้น

สินค้าธุรกิจบริการ ได้แก่ การนวด เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

สินค้าด้านความงาม เช่น อาหารเสริมสุขภาพยาและครีมบำรุงและเสริมความงามเพื่อทดแทนความสึกหรอของร่างกายจากความเครียด การสูบบุหรี่ การดื่มกาแฟและชามาก

ด้านการท่องเที่ยวด้วยการเดินทางไปพักผ่อนโดยจะไม่เลือกเดินทางไกลใช้สายการบินและที่พักราคาถูกลง และใช้เวลาสั้นลง

สันทนาการอื่นๆ เช่น การขี่จักรยาน การเล่นเกมส์ การไปสถาน fitness การเล่นกีฬา

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีการสำรวจมาแล้วว่าผู้คนในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองต้องการ ในอิตาลีจะมีธุรกิจนวด fitness และเกมส์เกิดขึ้นมากกว่าธุรกิจอื่น และแทบจะไม่น่าเชื่อว่า ผู้บริโภคสามารถใช้จ่ายเงินจำนวนมากกับสิ่งเหล่านี้ ในขณะที่สินค้าประเภทเสื้อผ้า กระเป๋า ของแต่งบ้าน และสินค้าที่เข้าข่ายสินค้าฟุ่มเฟือยต่างได้รับผลกระทบกันทั้งสิ้น

สามารถสอบหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ website ดังต่อไปนี้

1. http://www.who.int/csr/disease/swineflu/updates/en/index.html (WORLD HEALTH ORGANIZATION)

2. http://www.ecdc.europa.eu/en/Health_topics/novel_influenza_virus/2009_Outbreak/ (EUROPEAN CENTRE FOR DISEASE PREVENTION AND CONTROL)

3. http://ec.europa.eu/health-eu/health_problems/avian_influenza/index_en.htm (The Public Health Portal of the European Union)

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ