1. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจอิตาลีในช่วง 2 สัปดาห์หลังของเดือนพ.ค. 52 ยังคงทรงตัว จากรายงานของ ISTAT ปรากฏว่าในเดือน พ.ค. 52 อัตราเงินเฟ้อจะเท่ากับ 0.9% ซึ่งนับว่าต่ำสุดนับแต่เดือนพ.ย. 51ซึ่งเท่ากับ 0.7% เป็นต้นมา เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า(เม.ย. 52) ซึ่งมีอัตราเงินเฟ้อเท่ากับ 1.2% (ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.2% )
2. อย่างไรก็ดี ภาครัฐอิตาลีคาดว่าภาวะเศรษฐกิจอิตาลี จะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 52 เป็นต้นไปรัฐบาลอิตาลีโดยกระทรวงเศรษฐกิจได้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด เพื่อหามาตรการในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ธุรกิจ SME เช่นการขยายวงเงินประกันสังคม การริเริ่มกลไกในการนำรายได้ของภาคเอกชนมาชดเชยหนี้ภาครัฐ การอำนวยความสะดวกด้านภาษีแก่บริษัทที่ต้องจัดจ้างผู้จัดการจากต่างประเทศ การอำนวยความสะดวกและรับประกันการเข้าถึงสินเชื่อแก่ธุรกิจใหม่ๆ เป็นต้น คาดว่าผลการศึกษาจะได้รับความเห็นชอบในราวเดือนมิ.ย. 52 เพื่อที่รัฐบาลจะได้จัดทำเป็น “Small Business Act” ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
3. ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน การดำเนินธุรกิจของผู้กระจายสินค้ารายใหญ่ เช่น Hypermarket ต่างๆ ต้องปรับตัวอย่างมาก เพื่อความอยู่รอดโดยมิได้เน้นการขายสินค้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้เพิ่มธุรกิจการบริการเข้าไปด้วย เช่น ธุรกิจเสริมความงาม คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ การให้เช่าภาพยนต์/DVD บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า/ไฮโดรลิค การท่องเที่ยวและการประกันภัย ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ และประหยัด สามารถหาซื้อทุกอย่างได้ในที่เดียวกัน
4. ภาวะสินค้า
4.1 สินค้าจักรยาน ตลาดค่อนข้างไปได้ดีอันเนื่องมาจากมาตรการของรัฐบาลที่ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ให้เงินช่วยเหลือ 30% ของราคาจักรยานแต่ไม่เกิน 700 ยูโร โดยรัฐบาลได้จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้วจำนวน 8.75 ล้านยูโรแก่ประชาชนที่ซื้อจักรยานยนต์ไปกว่า 40,000 คันและยังคงมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นกระทรวงสิ่งแวดล้อมอิตาลีจึงได้ตกลงใจที่จะจัดสรรเงินช่วยเหลืออีก 10 ล้านยูโรสำหรับการซื้อจักรยานยนต์อีก 60,000 คัน โดยมีร้านขายจักรยานยนต์เกี่ยวข้องประมาณ 5,000 ร้าน
4.2 สินค้าเซรามิก ตลาดค่อนข้างแย่ อุตสาหกรรมผู้ผลิตเซรามิกอิตาลีซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่เมืองโมเดนา (Modena) และเรจจิโอ เอมีเลีย ต้องปิดกิจการลงถึง 63 รายจาก 600 รายและคาดว่าการลงทุนในธุรกิจนี้สำหรับปี 52 จะลดลงเหลือเพียง 278 ล้านยูโรในขณะที่ปี 2551 มีการลงทุน 303 ล้านยูโร นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเพิ่มขึ้นของต้นทุนพลังงานและแก๊สซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญอีกด้วย
4.3 การก่อสร้าง ตลาดได้รับผลกระทบมาก โดยสมาคมการก่อสร้าง (ANCE) คาดว่าการผลิตปี 2551/2552 จะลดลง -8.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนและการจ้างงานจะลดลง -8.4% (ประมาณ 165,000 -250,000 คน ) ทั้งนี้ รัฐบาลอิตาลีได้จัดหามาตรการช่วยเหลือเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับอุตสาหกรรมนี้โดยจะออกมาตรการ “House Plan”ภายในวงเงิน 42 พันล้านยูโร ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2552-2555 สำ หรับการก่อสร้างต่างๆประมาณ 106 ล้านลูกบาศก์เมตร โดย House Plan ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติ ดังนั้นคาดว่าหากมาตรการนี้มีผลใช้บังคับโดยเร็วเท่าใดก็จะช่วยกระตุ้นตลาดการก่อสร้างให้สามารถฟื้นตัวได้มากยิ่งขึ้น
4.4 สินค้าแฟชั่น แม้ว่าในช่วงเดือนมี.ค. 52 ตลาดสินค้าแฟชั่นจะมีสัญญาณดีขึ้นแต่ตลาดกลับแย่ลงโดยเฉพาะในแหล่งผลิตคือเมือง (Prato) ซึ่งผู้ผลิตคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 52 มูลค่าการขายจะลดลงถึงร้อยละ 30 นอกจากนี้ ตลาดสินค้าแฟชั่นของอิตาลีซึ่งมีมูลค่าการขายในปี 2551 ถึง 2.6 พันล้านยูโรยังประสบปัญหาถูกแย่งตลาดจากสินค้าลอกเลียนแบบหรือสินค้าปลอมแปลงทำให้ภาครัฐเกี่ยวข้องได้พยายามคิดค้นวิธีการปกป้องสินค้า Made in Italy โดยใช้ทีมงานและแหล่งเงินทุนจากบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชั้นสูงจากเมืองเทรนโต(Trento) ทางตอนเหนือของอิตาลี ในการคิดค้นเครื่องอิเลคโทรนิคขนาดเล็กติดอยู่ที่ตัวสินค้าทำให้ไม่สามารถลอกเลียนแบบหรือปลอมแปลงสินค้าได้ง่ายๆ
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม
ที่มา: http://www.depthai.go.th