ปักธงธุรกิจซอฟแวร์ไทยในเวียดนาม-ญี่ปุ่น โชว์ศักยภาพ-ตอกย้ำความจริงจังในการทำตลาด ได้ใจปีนี้เข้าฟิลิปปินส์-อินโด ไม่กดดันตัวเองด้วยการตั้งเป้าเป็นตัวเลข เชื่อการทำตลาดถาวรประสบความสำเร็จสูง
น.ต.หญิง จุฑารัตน์ นาคธน นักวิชาการพาณิชย์ ระดับชำนาญการ สำนักส่งเสริมธุรกิจบริการ กรมส่งเสริมการส่งออกเปิดเผยถึงการสัมมนา”เคล็ด(ไม่)ลับอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ไทยปักธงรบในเวียดนามประลองสนามที่ญี่ปุ่น” ว่า กรมฯประสบความสำเร็จในการจัดคณะผู้แทนการค้าไทยเข้าทำตลาดเฉพาะ(นิชมาร์เก็ต)ในธุรกิจซอฟท์แวร์เพื่อวางระบบและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีมูลค่าถึง 400 ล้านบาทและปีนี้ยังทำการตลาดต่อเนื่อง เพื่อให้เวียดนามเห็นถึงศักยภาพและความจริงจังในการเจาะตลาดเฉพาะ ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มที่ดีมาก
“กรมฯส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนทำตลาดต่างประเทศ เพราะเราเชื่อในแนวคิดที่ว่า การทำตลาดได้อย่างถาวรจะดีกว่าการกดดันด้วยเป้าหมายเป็นตัวเลขสูงแล้ว ทำไม่ได้ตามเป้า ประกอบกับหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนทำงานกันทีมเวิร์ค มีการประสานงาน-วิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก จนเชื่อว่า แนวทางการทำตลาดในอุตสาหกรรมนี้ ทำตลาดแบบนี้ จึงจะประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี”น.ต.หญิงจุฑารัตน์ กล่าว
นายเฉลิมพล ปุณณทก นายกสมาคมการส่งออกอุตสาหกรรมซอฟแวร์ไทย กล่าวว่า ในปีนี้จะเข้าทำตลาดซ้ำในเวียดนามและญี่ปุ่นเช่นเดิม เพื่อตอกย้ำถึงการทำตลาดอย่างจริงจัง ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญมากในการสร้างความจริงใจในการทำตลาด และปีนี้จะทำตลาดเพื่อนบ้านอาเซียนมากขึ้น โดยเน้นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ซึ่งมีการศึกษาตลาดมากระยะหนึ่งแล้ว
“ตลาดในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน เมื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานจนเข้าใจถ่องแท้แล้ว ต้องวางตำแหน่งสินค้าบริการของไทยให้เหมาะสมกับตลาด ที่สำคัญการหาผู้ร่วมทุน(พาทเนอร์)รายแรกสำคัญมาก เพราะจะหมายถึงการได้เพื่อนร่วมธุรกิจที่จะต้องทำงานกันในระยะยาว ซึ่งเมื่อเข้าทำตลาดได้อย่างเป็นระบบแล้ว จะเห็นถึงคุณภาพของคนไทยและประสิทธิภาพของการวางระบบโลลูชั่นในซอฟแวร์ไทย” นายเฉลิมพล กล่าว
นอกจากนี้เทคนิคในการทำตลาดอีกด้านหนึ่ง คือ การประชาสัมพันธ์ความสำเร็จ เพราะเมื่อเรารู้ว่า สินค้าของไทยอยู่ในระดับช่องทางใดแล้ว ต้องทำตัวเป็นผู้นำตลาดในช่องทางนั้นอย่างชัดเจน รวมถึงการสร้างลูกเล่นทางการตลาดเพื่อทำตัวให้เป็นข่าว จะได้การประชาสัมพันธ์ที่ดีและน่าเชื่อถือ เช่น การวางตัวให้ซอฟแวร์จากประเทศไทยเป็นผู้แก้วิกฤติสถาบันการเงินในระบบธนาคารของเวียดนาม เป็นต้น
ที่มา: http://www.depthai.go.th