1. ในจำนวนประชากรเยอรมันกว่า 82 ล้านคนเป็น User ที่ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 42.7 ล้านคนหรือร้อยละ 65.8 ของประชากรทั้งสิ้น นอกจากนี้ในประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศที่มีความรู้ เข้าใจภาษาเยอรมันดี นับรวมกับคนเยอรมันมีจำนวน User ที่ใช้ภาษาเยอรมันได้ทั้งสิ้นกว่าไม่น้อยกว่า 60 ล้านคน ด้วยเหตุนี้ ในเยอรมนี Home page ทางการค้าส่วนใหญ่ จึงยังใช้ภาษาเยอรมันในการสื่อสาร มีบ้างในธุกิจประเภท Business to Consumer ที่มีการติดต่อกับต่างประเทศ จะใช้ภาษาอังกฤษควบคู่กับภาษาเยอรมันด้วย
2. ถึงแม้ว่าในปี 2551 ที่ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจการเงินในสหรัฐอเมริกาจะมีผลกระทบทำให้การผลิต การค้าสินค้าในอุตสาหกรรมหลายแขนงในเยอรมนีซบเซาลงอย่างมาก แต่ในด้านตลาดการค้าปลีกปรากฏว่าในปี 2551 ยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับปี 2550 เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 360,000 ล้านยูโร มูลค่านี้ยังไม่รวมการซื้อขายรถยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิง และยารักษาโรค นอกจากนี้ยังมียอดการขายสินค้าแบบ Mail-Order อีกประมาณ 15,000 ล้านยูโร โดยมีสินค้าส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายและรองเท้า เป็นต้น
3. จากการที่เยอรมนีมีระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัย จึงมีผู้ประกอบการด้านขนส่งสินค้าจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจ E-Commerce ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นมาโดยตลอด โดยในปี 2551 มียอดการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 19,300 ล้านยูโร เทียบกับปี 2550 ที่มีมูลค่า 16,8000 ล้านยูโร มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 โดยมีจำนวน User ที่ซื้อขายสินค้าทางอินเตอร์เนตมีจำนวนทั้งสิ้น 31.44 ล้านคนหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากการสำรวจโดย Nielsen Online Netview ปรากฏว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้ มีจำนวนผู้ใช้ Home page มากที่สุด จัดลำดับได้ดังนี้
4. อาจกล่าวได้ว่าสินค้าทุกชนิดที่มีวางขายตามท้องตลาดสามารถหาซื้อได้ทางอินเทอร์เน็ต เนื่องจากมีผู้ให้บริการจำนวนมากเป็น Home page ในการเสนอขายสินค้าที่สำคัญและได้รับความนิยมมากที่สุด คือ e-bay เฉพาะในเยอรมนีมีจำนวนสมาชิกที่ได้ลงทะเบียนไว้ประมาณ 10 ล้านคนมียอดขายในเยอรมนีในปี 2551 เป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านยูโร นอกเหนือจากเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องแต่งกายแล้ว สินค้าสำคัญอื่นๆ ที่ซื้อขายทางอินเตอร์ ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว รถเช่า โรงแรม การซื้อตั๋วโรงหนัง โรงละคร เป็นต้น มีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านยูโร สินค้าให้ความบันเทิง เช่น CD เพลง หนังสือ เกมส์คอมพิวเตอร์ เป็นต้นมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านยูโร
5. เทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป การใช้บริการซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตในเยอรมนี ยังเป็นที่นิยมน้อยกว่า สืบเนื่องจากสาเหตุหลายประการ โดยเฉพาะการที่จะต้องจ่ายเงินชำระค่าสินค้าล่วงหน้า ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่ไว้วางใจ ทั้งๆ ที่ผู้ขายจะเป็นกิจการที่มั่นคง เชื่อถือได้ และเป็นที่ยอมรับก็ตาม ในปัจจุบันการจ่ายชำระเงินค่าสินค้ายังคงนิยมวิธีการเก็บเงินปลายทาง มีส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 65 ส่วนการจ่ายโดยการแจ้งหมายเลขบัตรเครติดมีการใช้ในอัตราระหว่างร้อยละ 10 - 15 สาเหตุอีกประการหนึ่ง คือ ด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ยังไม่เป็นที่เชื่อใจเท่าใด ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการและระบบต่างๆ ที่มีความเหมาะสม สามารถนำมาใช้ได้ทันทีก็ตาม นอกจากนี้ยังมีภาระค่าใช้จ่ายสูง อย่างไรก็ตาม จากยอดการขายปลีกสินค้าในปี 2551 ที่มีมูลค่า 360,000 ล้านยูโร นั้น มีการใช้ชำระเป็นเงินสด 217,000 ล้านยูโรหรือร้อยละ 60.4 ส่วนที่เหลือเป็นการชำระผ่านบัตรธนาคาร บัตรเครดิต หรือการโอนผ่านธนาคารมูลค่า 130,000 ล้านยูโร หรือร้อยละ 36.1 ในจำนวนนี้เป็นยอดการใช้บัตรเครติดมูลค่าเพียง 7,000 ล้านยูโร หรือประมาณร้อยละ 5 ของมูลค่ารวมทั้งสิ้น
6. จากการสำรวจโดยบริษัท schottenland.de ผู้จำหน่ายสินค้าฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์มีการจัดอันดับ Top 10 บริการด้านต่างๆ ของ Home page ดังนี้
ที่มา: http://www.schottenland.de/beststore
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศฯ ณ กรุงเบอร์ลิน
ที่มา: http://www.depthai.go.th