สถานการณ์เศรษฐกิจกัมพูชาระหว่างเดือน ม.ค.- ก.พ. 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 29, 2009 12:33 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. สถานการณ์เศรษฐกิจกัมพูชา

ในระยะ 2 เดือนแรกของปี 2552 เศรษฐกิจของกัมพูชามีการถดถอยอย่างเห็นได้ชัดจากการก่อสร้างที่ลดลงตั้งแต่ปลายไตรมาส ปี 2551 ร้อยละ 7 การส่งออกการ์เม้นท์ ใน 2 เดือนแรกของปีนี้ลดลงจากปีก่อนในช่วงเดียวร้อยละ 6 ทำให้มีการจ้างงานลดลง จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น ด้านการท่องเที่ยวซบเซานักท่องเที่ยวลดลงทั้งนักท่องเที่ยวจากแดนไกลรวมถึงไทย จะมีเพิ่มก็แต่เวียดนามที่เข้ามาท่องเที่ยวอย่างสะดวกสบายโดยทางรถยนต์โดยสารประจำทาง วิ่งตรงระหว่างประเทศ แถมไม่ต้องจ่ายค่าวีซ่า อย่างไรก็ตามโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเช่น ในจังหวัดเสียมเรียบ จังหวัดกรุงพระสีหนะ และในราชธานีพนมเปญ ห้องพักมีอัตราว่างกว่าร้อยละ 40 สินค้าเกษตรที่รัฐบาลหวังให้เป็นตัวผลักดัน GDP มีราคาตกต่ำ เนื่องจากส่งไปไทยไม่ได้ เพราะไทยปิดด่านไม่ให้มันสำปะหลัง ข้าวโพด และข้าว จากกัมพูชาเข้าไทยเพราะกลัวการสวมสิทธิ์รับจำนำของรัฐบาล ทำให้กัมพูชากล่าวโทษว่าเป็นเพราะไทยไม่ให้สินค้าเกษตรเข้าสู่ตลาด ทำให้สินค้าดังกล่าวมีราคาตกต่ำ ประชาชนไม่มีเงินใช้หนี้ ทั้งในระบบและนอกระบบ เป็นลูกโซ่ต่อกันไป จนเกิดปัญหาด้านสังคมตามมา

ในปี 2552 คาดว่าคนกัมพูชาจะถูกจัดอยู่ใต้เส้นความยากจนเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 200,000 คน

หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจเช่น World Bank และ IMF ต่างออกมาปรับตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2552 ใหม่โดย World Bank คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะมีอัตราเติบโตติดลบ ร้อยละ -1.0 ขณะที่ IMF คาดการณ์ในทำนองเดียวกันคือตัวเลขติดลบ ร้อยละ - 0.5 จากเดิมที่เคยคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.9 สร้างความไม่พอใจให้แก่ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกมาโต้แย้งตัวเลขดังกล่าวพร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทางให้อัตราเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2552 นี้ อยู่ที่ร้อย 6 แต่ก็ไม่ได้ชี้แจงว่าจะดำเนินมาตรการเช่นไร ขณะที่ตัวเลขหนี้ต่างประเทศเพิ่มถึงระดับร้อยละ 15 ของ GDP

2. การค้าระหว่างไทยและกัมพูชา

ใน 2 เดือนแรกของปี 2552 การค้าระหว่างไทยและกัมพูชามีมูลค่ารวม 239.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 26.24 จากระยะเดียวกันของปี 2551 ซึ่งมีมูลค่าการค้ารวม 325.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แยกเป็นการส่งออกจากไทยไปกัมพูชา มูลค่า 232.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 25.77 และไทยนำเข้าจากกัมพูชามูลค่า 7.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และร้อยละ 38.21 ไทยได้ดุลการค้า 224.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

2.1 การส่งออกสินค้าจากไทยไปกัมพูชา - สินค้าที่มีการส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า เช่น

  • น้ำมันเชื้อเพลิง มูลค่าการส่งออก ลดลงร้อยละ 69.82 ตามราคาน้ำมันของตลาดโลก
  • สินค้าหมวดวัสดุก่อสร้าง มูลค่าส่งออกลดลง เช่น เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ ลดลง ร้อยละ 21.36 ขณะที่ปูนซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 18.54 เพราะการก่อสร้างชะลอตัว ตามวิกฤติการเงินโลก
  • เครื่องดื่ม มูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 18.93 เนื่องจากอำนาจซื้อของประชาชนลดลง
  • น้ำตาลทราย การส่งออกลดลงร้อยละ 1.56 ซึ่งเป็นเพียงภาวะของการนำเข้าแต่ละเดือนเท่านั้น อย่างไรก็ตามกัมพูชาต้องนำเข้าเพื่อใช้บริโภคในประเทศจากประเทศไทย ปีละประมาณ 5-6 พันตัน เพราะไม่สามารถผลิตน้ำตาลได้เอง

สินค้าที่มีการส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่

  • เคมีภัณฑ์ เพิ่มร้อยละ 12.15 เพราะมีการซื้อเพื่อเป็นวัตถุดิบเข้าสู่โรงงาน เช่น โรงงานผลิตสีทาบ้าน โรงงานผลิตสีผสมอาหาร และ โรงงานการ์เม้น เป็นต้น
  • ผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ยางรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และ อะไหล่ เพิ่มร้อยละ 11.11 ตามปริมาณการใช้ของประชาชน
  • เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว การส่งออกมีอัตรา เพิ่มร้อยละ 15.94 เพราะเป็นสินค้าที่จำเป็นสำหรับสตรีกัมพูชาที่มีนิสัยรักความสวยงาม
  • อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่มร้อยละ 32.65 เพราะประชาชนหันมาทำเกษตรกรรม หลังเกิดวิกฤติด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และ การก่อสร้างในประเทศ

2.2 การนำเข้าของไทยจากกัมพูชา

ในสองเดือนแรกของปี 2552 ไทยนำเข้าสินค้าจากกัมพูชา มูลค่า 7.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากระยะเดียวกันของปี 2551 ซึ่งมีมูลค่า 12.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ร้อยละ 38.21 โดยสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ผัก/ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก/ผลไม้ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค เสื้อผ้าสำเร็จรูป และผ้าผืน

3. ความเห็นของสำนักงานฯ

การส่งออกสินค้าจากไทยมากัมพูชาในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงมากถึงร้อยละ 25 เมื่อ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 เนื่องจากผลกระทบวิกฤติการเงินโลก ส่งผลการลงทุนจากต่างชาติชะลอ สินค้าเกษตรมีปัญหาด้านการตลาดไม่สามารถส่งออกไปไทยทำให้ราคาลดลงจากปีก่อนมาก กำลังซื้อของประชาชนโดยรวมลดลง มีการระมัดระวังในการใช้จ่าย ซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ จึงคาดว่ามูลค่าการค้าระหว่างไทยและกัมพูชาในปี 2552 จะลดลงร้อยละ 30 สินค้าที่ลดลงได้แก่ สินค้าวัสดุก่อสร้าง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร สินค้าหมวดอาหาร และ เครื่องดื่ม ขณะที่สินค้าที่อาจเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบอาชีพด้านการเกษตร เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ อาหารสัตว์ เป็นต้น

สคต.พนมเปญ

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ