1. ภาพรวมภาวะการค้า
สคต. แวนคูเวอร์ ขอรายงานสรุปภาวะการค้าและการแข่งขันสินค้าไทยในตลาดแคนาดา ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม-กันยายน: ตัวเลขฝ่ายไทย ) ซึ่งมีมูลค่าการค้าขยายตัวลดลง ร้อยละ 20.31 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้(เปรียบเทียบกับ สถิติฝ่ายแคนาดา แสดงมูลค่า การค้าในช่วงระยะเวลาเดียวกันที่ 1,803.95 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 21.03 )
1.1 ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทย-แคนาดา ดังนี้
มูลค่า (ล้านเหรียญสหรัฐ) อัตราการขยายตัว(%) 2551 (ม.ค.-ก.ย.) 2552(ม.ค.-ก.ย.) 51/52 (ม.ค.-ก.ย.) มูลค่าการค้า 1,752.88 1,396.78 -20.31 ส่งออก 1,069.92 925.64 -13.49 นำเข้า 682.96 471.14 -31.01 ดุลการค้า 386.96 454.49 ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สป.พณ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร1.2 การส่งออกจากไทย ไปแคนาดา ใน 9 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม-กันยายน) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.85 ของการส่งออก ทั้งหมดของไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 ซึ่งมีสัดส่วนที่ ร้อยละ 0.77 ของการส่งออกทั้งหมด โดยมีอัตราการขยายตัวลดลง (-) ร้อยละ 13.49 (สถิติฝ่ายแคนาดา แสดงตัวเลขการนำเข้าจากไทย ที่ 1,446.83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 0.62 ของการนำเข้าทั้งหมด โดยมีอัตราการขยายตัวลดลง ร้อยละ 17.28
สินค้าส่งออกไทยไปแคนาดาที่มีมูลค่าสำคัญ 10 อันดับแรก ได้แก่ (1) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป มูลค่า 150.3 ล้านเหรียญฯ (เพิ่มขึ้น 3.60%) (2) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มูลค่า 142.4 ล้านเหรียญฯ(ลดลง 23.83%) (3) กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง มูลค่า 51.0 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 4.25%) (4) ข้าว มูลค่า 48.0 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 15.03%) (5) เสื้อผ้าสำเร็จรูป มูลค่า 39.3 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 1.05%) (6) แผงวงจรไฟฟ้า มูลค่า 38.4 ล้านเหรียญฯ (เพิ่มขึ้น 420.57%) (7) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป มูลค่า 31.7 ล้านเหรียญฯ (เพิ่มขึ้น 1.30%) (8) เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ มูลค่า 31.2 ล้านเหรียญฯ (เพิ่มขึ้น 7.29%) (9) อัญมณีและเครื่องประดับ มูลค่า 26.9 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 6.11%) และ (10) ยางพารา มูลค่า 24.5 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 55.47%) ทั้งนี้ สินค้าส่งออกจากไทยที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นในร้อยละที่สูง 5 อันดับแรก (พิจารณาจากสินค้าส่งออก 30 อันดับแรกของไทยไปแคนาดาทุกประเภทสินค้า)ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า (เพิ่มขึ้น 420.57 %) เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าฯ (เพิ่มขึ้น 71.33%) ส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน (เพิ่มขึ้น 51.18%) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ (เพิ่มขึ้น 22.26%) และผลิตภัณฑ์ข้าว (เพิ่มขึ้น 10.78%)
ประเทศคู่แข่งในภูมิภาคเอเซียที่สำคัญ ที่แคนาดามีสัดส่วนต่อการนำเข้าสินค้ามาก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และมาเลเซีย โดยแคนาดานำเข้าจากประเทศไทยเป็นลำดับที่ 19 (สถิติฝ่ายแคนาดา)
1.3 การนำเข้าของไทยจากแคนาดา ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม —กันยายน) คิดเป็นสัดส่วนการนำเข้าเพิ่มเล็กน้อยจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2551 คือร้อยละ 0.50 จาก ร้อยละ 0.49 โดยมีอัตราขยายตัวของการนำเข้าลดลง คือจากร้อยละ +45.91 เป็นร้อยละ -31.01 โดยไทยได้เปรียบดุลการค้ามูลค่า 454.49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่สถิติฝ่ายแคนาดาแสดงสัดส่วนการส่งออกจากแคนาดามายังไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาคือร้อยละ 0.16 จากร้อยละ 0.15 ของการส่งออกทั้งหมด โดยมีอัตราขยายตัวลดลงจาก ร้อยละ +25.91 มาเป็น ร้อยละ -33.28 ทั้งนี้ แคนาดาเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้าให้ไทย มูลค่า 1,089.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สินค้าที่ไทยนำเข้าจากแคนาดา ที่มีมูลค่าสำคัญ 10 อันดับแรก ได้แก่ (1) เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ มูลค่า 69.4 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 19.51%) (2) แผงวงจรไฟฟ้า มูลค่า 60.6 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 23.45%) (3) เครื่องจักรไฟฟ้าและ ส่วนประกอบ มูลค่า 45.1 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 33.39 %) (4) ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์มูลค่า 40.2 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 67.99%) (5) พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช มูลค่า 37.9 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 12.18%) (6) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ มูลค่า 34.9 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 27.48 %) (7) สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ มูลค่า 25.7 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 53.54%) (8) เคมีภัณฑ์ มูลค่า 23.0 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 14.92%) (9) สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูป และกึ่งฯ มูลค่า 15.8 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 12.06%) และ (10) เครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ มูลค่า 12.2 ล้านเหรียญฯ (เพิ่มขึ้น 41.27 %) ทั้งนี้ สินค้านำเข้าจากแคนาดามาไทย ที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นในร้อยละที่สูง 5 อันดับแรก (พิจารณาจากสินค้านำเข้า 30 อันดับแรกของไทยจากแคนาดา ทุกหมวดประเภทสินค้า) ได้แก่ ถ่านหิน(เพิ่มขึ้น 28,605.43%) เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินฯ (เพิ่มขึ้น 11,696.89%) ข้าวและผลิตภัณฑ์จากแป้ง (เพิ่มขึ้น 529.11%) และ เสื้อผ้าสำเร็จรูป (เพิ่มขึ้น521.82%)
จากโครงสร้างสินค้าส่งออก ของไทยไปแคนาดาข้างต้น พบว่าระหว่างปี 2549-2551 หมวดสินค้าส่งออกสำคัญเรียงตามลำดับมูลค่าส่งออก ได้แก่ หมวดสินค้าอุตสาหกรรม (เฉลี่ย ร้อยละ 62.40 ของมูลค่าส่งออกฯ) หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร (เฉลี่ยร้อยละ 18.89 ของมูลค่าส่งออกฯ) และ หมวดสินค้าเกษตรกรรม ( กสิกรรม, ปศุสัตว์ และประมง เฉลี่ยร้อยละ 17.38 ของมูลค่าส่งออกฯ) ทั้งนี้ หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง และสินค้าอื่นๆ ได้แก่ ธุรกรรมพิเศษฯ มีการส่งออกมูลค่าน้อยเมื่อเทียบกับการส่งออกไปยังแคนาดาทั้งหมด
สำหรับการส่งออกในเดือน 9 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม-กันยายน) นั้น พบว่า มูลค่าการส่งออกจากไทยไปยังแคนาดาทั้งสิ้น ได้ขยายตัวลดลง(-) ร้อยละ 13.49 ใกล้เคียงกับเดือน สิงหาคม 2552 ซึ่งขยายตัวลดลง(-) ร้อยละ13.37 โดยสินค้าเกือบทุกหมวดยกเว้นหมวดอุตสาหกรรมการเกษตรมีอัตราการขยายตัวที่ลดลง ทั้งนี้ หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 4.84 ใกล้เคียงกับเดือน สิงหาคม (ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.64)เปรียบเทียบกับ ร้อยละ 21.36 ของระยะเวลาเดียวกันในปี 2551
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม-กันยายน) สรุปภาพรวมการส่งออกสินค้าหมวดเกษตรกรรม (กสิกรรม ปศุสัตว์ และประมง ) ของไทยไปแคนาดา เปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2551 ได้ดังนี้
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม-กันยายน) สรุปภาพรวมการส่งออกสินค้าหมวดอุตสาหกรรม การเกษตรของไทยไปแคนาดา เปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2551 ได้ดังนี้
สรุปภาพรวมการส่งออกสินค้าหมวดอุตสาหกรรม จากไทยไปแคนาดา ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม-กันยายน) เปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2551 ได้ดังนี้
7.1 เปรียบเทียบข้อมูลการค้า ระหว่างสถิติฝ่ายไทย และ สถิติฝ่ายแคนาดา
7.1.1 การส่งออกจากไทยไปแคนาดาใน 9 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม —กันยายน : สถิติฝ่ายไทย) โดยเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2551 สรุปภาพรวม มูลค่าการค้าระหว่างไทย-แคนาดา รวม 1,396.78 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัวลดลง ร้อยละ 20.31) และการส่งออกจากไทยไปแคนาดา มูลค่า 925.64 ล้านเหรียญสหรัฐ(ขยายตัวลดลง ร้อยละ 13.49) การนำเข้าของไทยจากแคนาดา มูลค่า 471.14 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขยายตัวลดลง ร้อยละ31.01) โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า มูลค่า 454.49 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเมื่อพิจารณาจากสินค้าส่งออกสำคัญ 30 อันดับแรก จากไทยไปแคนาดา มีข้อสังเกต ดังนี้
สินค้าที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น สถิติการส่งออกจากไทยไปยังแคนาดา 30 อันดับแรก แสดงอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นของมูลค่าส่งออก ในกลุ่มสินค้า อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป แผงวงจรไฟฟ้า ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ ผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าฯ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ และผลิตภัณฑ์ข้าว สำหรับสินค้า กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง เสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งมีอัตราขยายตัวของการนำเข้าเพิ่มขึ้นในเดือนที่ผ่านมา ได้ขยายตัวลดลงในช่วงนี้อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาภาพรวมโครงสร้างสินค้าส่งออกสำคัญ สินค้ากลุ่มอุตสาหการเกษตร เป็นสินค้ากลุ่มเดียวที่มีอัตราการขยายตัวเป็นบวก สำหรับสินค้าหมวดอื่นๆ ได้แก่หมวดสินค้าเกษตรกรรม(กสิกรรม, ปศุสัตว์ ,ประมง) สินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ยังคงมีอัตราขยายตัวลดลง (-) สูงกว่าอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกโดยรวม
สินค้าที่มีการส่งออกลดลง สถิติการส่งออกจากไทยไปยังแคนาดา 30 อันดับแรก แสดงอัตราการขยายตัวลดลง ของมูลค่าส่งออกสินค้า 21 รายการ จาก 30 รายการ ที่สำคัญๆ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ข้าว เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ ยางพารา เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกม เลนซ์ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์พลาสติก รองเท้าและชิ้นส่วน เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ ฯลฯ ทั้งนี้ สินค้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นเสมอมา ได้มีอัตราขยายตัวลดลงในเดือนนี้ เนื่องจากราคาสูงกว่าคู่แข่งอื่นๆมาก ทำให้ผู้นำเข้าหันไปนำเข้าสินค้าในคุณภาพรองจากประเทศผู้ส่งออกอื่นๆ ทดแทน เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับราคามากเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย ลดการใช้จ่ายในสิ่งฟุ่มเฟือย และชะลอการใช้จ่ายในสินค้าที่คงทนถาวร ตลอดทั้งแนวความคิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (การลดการใช้พลาสติก) และการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ซึ่งทำให้ผู้บริโภคลดการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยในประเภทที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขันน้อยกว่าประเทศผู้ส่งออกอื่นๆ
7.1.2 เปรียบเทียบกับสถิติการค้า ตัวเลขฝ่ายแคนาดา (Statistics Canada) สรุปภาพรวมการค้าระหว่างแคนาดา-ไทย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม- กันยายน ) โดยเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2551 ได้ดังนี้
- มูลค่าการค้าระหว่างแคนาดา-ไทย มีมูลค่ารวม 1,803.95 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง (-) ร้อยละ 21.03 ใกล้เคียงกับอัตราการลดลงตามสถิติฝ่ายไทย (-) ร้อยละ 20.31
- การส่งออกของแคนาดามาไทย มีมูลค่า 357.12 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลง(-) ร้อยละ 33.28 เปรียบเทียบกับสถิติฝ่ายไทย ซึ่งการนำเข้าจากแคนาดาลดลง (-) ร้อยละ 31.01 ทำให้แคนาดาเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้ากับไทยมูลค่า 1,089.71 ล้านเหรียญฯ
- การนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย มีมูลค่า 1,446.83 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง (-) ร้อยละ 17.28 เปรียบเทียบกับสถิติฝ่ายไทย ซึ่งการส่งออกสินค้าไปแคนาดาลดลง (-) ร้อยละ 13.49 โดยมีข้อสังเกต ดังนี้
สินค้าที่แคนาดานำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น (พิจารณาจากสินค้านำเข้าสำคัญ 30 อันดับแรก ที่แคนาดานำเข้าจากไทย ) ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า (พิกัด 8542) สัตว์น้ำจำพวกครัสตาเซีย โมลลุสก์ (พิกัด 1605) กุ้งแช่เย็น แช่แข็ง (พิกัด 0306) เครื่องส่งสำหรับวิทยุ โทรศัพท์ โทรทัศน์ รวมทั้งกล้องบันทึกภาพฯ (พิกัด 8525) ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่ ใช้สำหรับพาหนะต่างๆ (พิกัด 4011) เครื่องแต่งกายและของที่ใช้ประกอบกับเครื่องแต่งกาย (พิกัด 4015) รองเท้า ฯ (พิกัด 6403) เส้นใย กลุ่มเส้นใย แลเคเบิลใย นำแสง (พิกัด 9001) เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณที่เป็นของเทียม (พิกัด 7117) เครื่องทำน้ำร้อนด้วยไฟฟ้า เครื่องงอุปกรณ์แต่งผม เป่ามือ เตารีดไฟฟ้า ฯ นอกจากตามประเภทที่ 85.45 (พิกัด 8516) พาสต้า เส้นมักกะโรนี/สปาเก็ตตี้ เส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว และวุ้นเส้น (พิกัด 1902) และ เครื่องยกทรง เครื่องรัดเอวและตะโพก เครื่องรัดทรง คอร์ซีเลตต์ ฯ (พิกัด 6212)
สินค้าที่แคนาดานำเข้าจากไทยลดลง (พิจารณาจากสินค้านำเข้าสำคัญ 30 อันดับแรกที่แคนาดานำเข้าจากไทย) มีสินค้าจำนวน 18 ใน 30 รายการ ที่แสดงตัวเลขการนำเข้าลดลง ที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์(พิกัด 8517) คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ(พิกัด 8471) ปลาปรุงแต่ง (พิกัด 1604) ข้าว (พิกัด 1006) ส่วนประกอบและอุปกรณ์ที่ใช้กับเครื่องจักรสำนักงานฯ (พิกัด 8473) เครื่องเพ็ชร พลอยและรูปพรรณ และส่วนประกอบ ทำด้วยโลหะมีค่าฯ (พิกัด 7113) ยางธรรมชาติ บาลาตา กัตตาเปอร์ชา กวายูล ชิเคิล และกัมธรรมชาติที่คล้ายกัน ในลักษณะขั้นปฐม หรือเป็นแผ่น แผ่นบางหรือเป็นแถบ (พิกัด 4001) ผลไม้ ลูกนัท ถั่วลิสงและเมล็ดพืชและส่วนอื่นที่ทำไว้ไม่ให้เสียโดยวิธีอื่นฯ (พิกัด 2008) ของและเครื่องอุปกรณ์สำหรับใช้ในการออกกำลังกาย(พิกัด 9506)เครื่องรับโทรทัศน์และส่วนประกอบ รวมทั้งวีดีโอมอนิเตอร์และเครื่องฉายฯ (พิกัด 8528) รถจักรยานยนต์(รวมถึงโมแพ็ด) และรถจักรยานที่ติดตั้งมอเตอร์ช่วย และชิ้นส่วน (พิกัด 8711) เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ และส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์(พิกัด 9403) เครื่องพิมพ์ใช้สำหรับการพิมพ์ประเภทต่างๆ (พิกัด 8443) อุปกรณ์ติดตั้งของหลอดหรือท่อ (ข้อต่อ ข้องอปลอกเลื่อน ทำด้วยเหล็กและเหล็กกล้า (พิกัด 7307) ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของยานยนต์ ตามประเภท 87.01-87.05(พิกัด 8708) เลนส์ ปริซึม กระจกเงา และวัตถุเชิงทัศนศาสตร์อื่น ๆ (พิกัด 9002) สัตว์น้ำจำพวกโมลลุสก์ (หอยปลาหมึก แมงกะพรุน ปลิงทะเล สด แช่เย็น แช่แข็ง แห้ง ใส่เกลือ หรือแช่น้ำเกลือ พิกัด 0307 ) และ ของที่ใช้ลำเลียงสินค้าหรือบรรจุสินค้า รวมทั้งจุก ฝา และที่ปิดครอบ-อื่นๆ ทำด้วยพลาสติก (พิกัด 3923)
7.2 ความเห็นเกี่ยวกับการปรับตัวของเศรษฐกิจประเทศแคนาดา
7.2.1 ความเห็นนักเศรษฐศาสตร์แคนาดา นักเศรษฐศาสตร์แคนาดา เชื่อว่าเศรษฐกิจแคนาดาจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2553 แต่อาจใช้ระยะเวลานาน โดยนักวิเคราะห์ข่าว CBC News มีความเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจแคนาดาในปัจจุบันยังต่างจากสภาพเดิมมาก โดยพิจารณาจากการปรับตัวสูงขึ้นของค่าเงินสกุลเหรียญแคนาดา การหดตัวของธุรกิจภาคเอกชน และภาวะการว่างงานซึ่งยังคงสูงอยู่ และภาวะซบเซาของการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งแคนาดาส่งออกติดลบต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 และการนำเข้าติดลบตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2551) และที่ผ่านมา แรงผลักดันการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ (Engine for economy expansion) ของแคนาดาส่วนใหญ่เกิดจากภาครัฐแทบทั้งสิ้น ซึ่งได้ผลน้อยและขาดความต่อเนื่อง
7.2.2 ความเห็นของหน่วยงาน International Monetary Fund (IMF) IMF ได้คาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของแคนาดาปี 2552 (ณ เดือน ตุลาคม 2552) ว่า จะขยายตัวลดลงร้อยละ 2.5 อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้น ในปี 2553 โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตรา ร้อยละ 2.1
7.2.3 การประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของหน่วยงาน Statistic Canada ได้ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแคนาดาในภาพรวมล่าสุด ดังนี้
- Real GDP : -0.1 % ( ส.ค. 2552) เปรียบเทียบกับ 0.0 % ในเดือน ก.ค. 2552)
- Unemployment Rate : 8.4 % (ก.ย. 2552) เปรียบเทียบกบั 8.7% ในเดือน ส.ค. 2552
- Export : -5.2 % (ไตรมาส 2 ปี 2552) เปรียบเทียบกับ -8.7% ในไตรมาส 1 ปี 2552
- Import : -2.2 % (ไตรมาส 2 ปี 2552) เปรียบเทียบกับ -11.6% ในไตรมาส 1 ปี 2552
- Inflation Rate : -0.9% ( ก.ย. 2552) เปรียบเทียบกับ -0.8 % ในเดือน ส.ค. 2552
7.3 แนวนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศของแคนาดา รัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของแคนาดา คนปัจจุบัน ( Honourable Stockwell Day) ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้าน Asia Pacific Gateway ในคราวเดียวกัน ได้สนับสนุนและผลักดันแนวคิดให้ประเทศแคนาดาเป็นประตูการค้าเชื่อมโยงทวีอเมริกาเหนือและประเทศในกลุ่มเอเซียแปซีฟิก และได้มองประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่นักธุรกิจแคนาดาให้ความสำคัญ และได้จัดคณะนักธุรกิจแคนาดาเยือนไทย ในเดือน พฤศจิกายน 2552 เพื่อความร่วมมือด้านธุรกิจพลังงาน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งแคนาดามีความเชี่ยวชาญ และเนื่องจากแคนาดา เป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญๆ ที่ไทยสามารถใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออกได้ ซึ่งคาดว่า ในอนาคต หากมีการกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้า และการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างนักธุรกิจของทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้น การค้าระหว่างไทย-แคนาดา ย่อมพัฒนาในทางที่ดียิ่งขึ้นต่อไปอย่างแน่นอน และเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแคนาดา (Honourable Lawrence Cannon) ร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศ ( Honourable Stockwell Day) ได้ประกาศแถลงข่าวยืนยันเจตนารมณ์ของแคนาดาในการขยายความสัมพันธ์ด้านการค้าและการเมืองในกลุ่มประเทศอาเซียน(ซึ่งรวมประเทศไทย)ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยจะจัดตั้งกลุ่มสมาคมเครือข่ายพันธมิตรระหว่างแคนาดาและอาเซียน (" Canada's Association of Southeast Asian Nations(ASEAN) Network") เพื่อประโยชน์ในความร่วมมือและโอกาสด้านการค้า การลงทุน ระหว่างแคนาดาและภูมิภาคอาเซียน ให้เพิ่มมากขึ้น
7.4 โอกาสการขยายการส่งออก เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดส่งออกไปยังแคนาดา ผู้ผลิต/ส่งออกสินค้า ควรผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานตามข้อกำหนด กฏระเบียบ ของทางการแคนาดา และมีการพัฒนาคุณภาพรูปแบบ ให้สอดคล้องกับรสนิยมผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ จึงต้องมีการติดตามความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงแนวโน้มตลาดตลอดเวลา และให้ความสำคัญในการผลิตสินค้าใหม่ๆ ที่แตกต่างจากคู่แข่ง และสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเนื่องจากแคนาดา ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาก นอกจากนั้น ผู้ส่งออกไทย จะต้องมีความซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา และให้ความสำคัญกับการติดต่อ/สื่อสารให้ทันท่วงที ต่อเหตุการณ์ และควรปรับกลยุทธด้านการลาดให้เหมาะสมกับสภาพตลาด และทำการตลาดเชิงรุกในการหาพันธมิตรทางการค้าที่มีเครือข่ายกว้างขวาง นอกจากนั้น ควรนำช่องทางการค้าอีเลคทรอนิกส์ช่วย เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแวนคูเวอร์
ที่มา: http://www.depthai.go.th