สินค้าเฟอร์นิเจอร์ของอิตาลีมีประวัติศาสตร์การผลิตมายาวนานสืบต่อกันมาหลายรุ่น ระหว่างปี 1998 — 2007 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความรุ่งเรืองมากจาก Strong Demand ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง มีชื่อในด้านรูปแบบดีไซน์สวยงาม สร้างสรรและคุณภาพดี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ด้วยเหตุนี้พบว่าอิตาลีมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเฟอร์นิเจอร์สูงกว่ามูลค่าการนำเข้ามาตลอด แม้ในปีหลังที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในช่วงระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา อิตาลีได้กลายเป็นผู้นำทางด้านเฟอร์นิเจอร์โลกโดยมีปัจจัยหลักมาจาก
2.1 รูปแบบดีไซน์ที่เน้นให้ความสาคัญความสวยงามของสินค้า
2.2 ไอเดียแปลกใหม่ในการผลิตสินค้าและการใช้เครื่องมือผลิตที่ทันสมัย
2.3 การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพหลากหลายจากโรงงาน/บริษัทเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก
แต่ในปัจจุบัน ปัจจัยดังกล่าวไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ เพราะหลายประเทศเริ่มพัฒนาศักยภาพในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพและราคาตา พัฒนานักออกแบบและสถาบันการสอนให้มีคุณภาพ แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้เกิดความต้องการซื้อในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสดีแก่อิตาลีในการเพิ่มการส่งออก
เมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ (International Economy Slump) ในประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาในปี 2008 ได้ปลุกให้ทั่วโลกตื่นตัวและระมัดระวังในการบริโภค/การลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลชัดเจนมากขึ้น หลายอุตสาหกรรมเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวไม่เว้นแม้แต่ภาคอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งอย่างอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์อิตาลี สาเหตุจากราคาน้ำมันที่ไต่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น ธนาคารไม่ปล่อยกู้ จนทำให้ธุรกิจชะลอตัวและเข้าขั้นชะงักในไตรมาสสุดท้ายของปี 2008 โดยปี 2008 อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้มียอดขายลดลงร้อยละ 5.6 อันเนื่องจากการลดลงของการบริโภคภายในประเทศร้อยละ 7.8 และยอดการส่งออกลดลงร้อยละ 2
Mr. Rosario Messina ประธาน FederlegnoArredo ได้ขอความช่วยเหลือจากภาครัฐบาลให้เข้ามาช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์อิตาลีอย่างเร่งด่วนภายในปี 2010 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการว่างงานกว่า 100,000 ราย และการันตีให้กับภาคอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กและขนาดกลางในการดำเนินงานในระบบเศรษฐกิจอิตาลีขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์อิตาลีมีความหวังว่าตลาดต่างประเทศจะกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่งเหมือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจโลก
ปี 2009 ข้อมูลจาก CSIL (Centre for Industrial Studies) เปิดเผยตัวเลขการผลิตลดลงร้อยละ 15 นอกจากนี้ สมาคมผู้ผลิตสินค้าเฟอร์นิเจอร์อิตาลี (FederLegno-Arredo/Cosmit) คาดการณ์ว่าสถานการณ์ตลาดจะยังคงชะลอตัวต่อไป โดยฉพาะปี 2009 ของไตรมาสแรก การผลิตเกิดการชะงักตัวอันมาจากสาเหตุต่อเนื่อง External Demand และ Internal Demand ตา เนื่องจากผู้บริโภคอยู่ในสถานการณ์ขาดความเชื่อมั่น จึงเกิดการชะลอตัวในการลงทุน/บริโภคสินค้าถาวร (เฟอร์นิเจอร์) การจ้างงานลดลง การออมน้อยและสาเหตุจากหนี้ที่เกิดจากเงินกู้ยืมโดยเฉพาะการผ่อนบ้านที่อยู่อาศัยระยะยาว
อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์อิตาลีส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตขนาดเล็ก/ย่อย โดยปีที่ผ่านมาผู้ผลิตรายย่อยหายไปจากตลาดมาก การจ้างงานลดลงเพราะแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ เช่น IKEA(มีสาขาขยายเป็น 15 แห่งทั่วอิตาลี) นอกจากนี้ ยังมี Furniture Outlet ขนาดใหญ่อีกได้แก่ Cenni Holding, Conforama, Mondo Convenienza, Semeraro, Casamercato, Emmelunga, Grancasa เป็นต้น ซึ่งสามารถขายสินค้าจานวนมากในราคาถูก อย่างไรก็ตาม สินค้าเฟอร์นิเจอร์อิตาลียังคงเน้นการผลิตสินค้าคุณภาพดี ฝีมือการผลิตที่สืบทอดรุ่นต่อรุ่น (คุณภาพ Made-In-Italy) นอกจากนั้น ในปัจจุบันผู้ผลิตสินค้าเฟอร์นิเจอร์ยังให้ความสาคัญกับแนวคิดใหม่ ของการดูแลสิ่งแวดล้อม Ecological Furniture ด้วย
ปี 2010 สถาบัน CSIL (Centre for Industrial Studies) ได้คาดการณ์สถานการณ์การผลิตยังคงเป็นอีกปีหนึ่งที่ภาคอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์อิตาลีต้องเผชิญกับภาวะที่ลาบาก อันเนื่องมาจากความต้องการในตลาดอิตาลียังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกอปรกับความต้องการในตลาดต่างประเทศจะกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆในช่วงปลายปี 2010
ปี 2009 สถานการณ์เศรษฐกิจยังคงชะงัก ขาดความแน่นอนอย่างมากและเสี่ยงต่อ ภาวะถดถอยลงไปอีก ทั้งนี้เกิดจากหลายสาเหตุโดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลก (International Economy Slump) ที่กระทบไปทุกประเทศในโลก จากสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลอิตาลีได้พยายามให้ความช่วยเหลือทั้งภาค อุตสาหกรรม และในระดับครอบครัวเพื่อจูงใจให้เพิ่มการลงทุนและกระตุ้นการใช้จ่ายระดับครอบครัวมากขึ้น โดยทาการลดภาษีซื้อ และสร้างแรงจูงใจให้กับภาคอุตสาหกรรมโรงแรมให้เปลี่ยน/ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่
ในปี 2009 อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้ มียอดขายลดลงร้อยละ 20 เปรียบเทียบจากปี 2008 ในส่วนอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ มียอดขายลดลงร้อยละ 17.3 ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเลือกซื้อสินค้าเฟอร์นิเจอร์จากร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ (LARGE DISTRIBUTION) ที่มีสินค้าให้เลือกซื้อหลากหลายประเภทและราคาตากว่าร้านค้าย่อย โดยผู้บริโภคจะคานึงถึง
1. ราคา โดยจะเลือกซื้อในร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ เพราะมีราคาตา กว่าร้านค้าขนาดย่อย
2. ความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์และทันสมัย โดยจะเลือกซื้อจากทั้ง ร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่และร้าน INDEPENDENT OUTLETS
3. ความสามารถในการใช้งาน สามารถใช้งานได้ดี แข็งแรงทนทาน
4. ความผสมผสาน เฟอร์นิเจอร์ใหม่จะต้องเข้ากับบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ชิ้นอื่นๆ ที่มีอยู่ในบ้านแล้ว
ปี 2010 สถาบัน CSIL ได้คาดการณ์สถานการณ์การบริโภคสินค้าเฟอร์นิเจอร์อิตาลีไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นมากนัก โดยมีสาเหตุต่อเนื่องมาจากการชะลอตัวการบริโภคทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งในช่วงครึ่งปีแรกการบริโภคยังคงกลับมาฟื้นตัวได้ยาก โดยยอดขายในอิตาลีอาจจะมีผลลดลงร้อยละ 1 อันเนื่องมาจากรายได้ของประชาชนลดลง ภาวะการตกงาน การเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบ และภาวะเงินเฟ้อ ในขณะนี้ผู้ขายส่วนใหญ่จะพยายามหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้ามาเก็บไว้ในโกงดัง โดยสาเหตุหลักมาจากจำนวนของผู้บริโภคลดลงอย่างมาก
ปี 2009 จากข้อมูลของ Federlegno-Arredo พบว่าอิตาลีมีมูลค่าการนำเข้าลดลงร้อยละ 16.7 นอกจากนี้ ข้อมูลจาก World Trade Altas พบว่าระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2009 อิตาลีมีมูลค่าการนำเข้าจากทั่วโลก 1,972 ล้านยูโร อัตราการนำเข้าลดลงร้อยละ 15.5 สาเหตุหลักเกิดจาก Internal Demand ลดลง ทั้งจากผู้ผลิตและ Demand จากครอบครัวอิตาเลียน
ตลาดนำเข้าหลักของอิตาลีได้แก่
- อันดับ 1 ประเทศจีน มูลค่า 501 ล้านยูโร (-12.2 %)
- อันดับ 2 ประเทศเยอรมัน มูลค่า 299 ล้านยูโร (-12.5 %)
- อันดับ 3 ประเทศออสเตรีย มูลค่า 140 ล้านยูโร (-31.3%)
- อันดับ 25 ประเทศไทย มูลค่า 17 ล้านยูโร (-21.6 %)
สินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่อิตาลีนำเข้าจากไทยได้แก่
- เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนั่งเล่น/ห้องอาหาร/ห้องนอน
- ฐานรองฟูก
- เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในทางการแพทย์
- เครื่องประทีบโคมไฟ และที่นั่ง
โดยสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่อิตาลีนำเข้าลดลงมากคือ เฟอร์นิเจอร์ทาด้วยโลหะและไม้ (-17.9%) ในขณะที่ สินค้าที่อิตาลีนำเข้าเพิ่มขึ้นคือ ฐานรองฟูก เตียงและของสินค้าที่อิตาลีนำเข้าเพิ่มขึ้นคือ ฐานรองฟูก เตียงและของตกแต่งเตียง (+116.7%) อันเนื่องมาการปิดโรงงานผู้ผลิตฐานรองฟูกในปีก่อน
ปี 2010 สถาบัน CSIL ได้คาดการณ์สถานการณ์การนำเข้า โดยความต้องการในตลาดอิตาลียังไม่มีการเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การนำเข้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ปี 2009 จากข้อมูลของ FederlegnoArredo พบว่าอิตาลีมีมูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 23 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดกำลังซื้อทั้งมูลค่าและปริมาณสินค้าของประเทศคู่ค้าหลักในยุโรปตะวันตก ได้แก่
- ฝรั่งเศส (-12%)
- เยอรมัน (-10.1%)
- สหราชอาณาจักร (-39.8%)
- สหรัฐอเมริกา (-34.9%)
นอกจากนี้ ตลาดส่งออกที่มีมูลค่าการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในปีก่อน พบว่าปีนี้ตลาดดังกล่าวมีมูลค่าการสั่งซื้อลดลง ได้แก่ รัสเซีย (-33%) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (-33.8%)
ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2553 จากข้อมูลของ World Trade Altas พบว่าสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของอิตาลีเป็นสินค้าส่งออกลาดับที่ 8 ของประเทศ โดยมีมูลค่าส่งออก 7,509 ล้านยูโร ลดลงร้อยละ -22.2
ตลาดส่งออกหลักของอิตาลีได้แก่
- อันดับ 1 ประเทศฝรั่งเศล มูลค่า 1,223 ล้านยูโร (-12.2 %) - อันดับ 2 ประเทศเยอรมัน มูลค่า 887 ล้านยูโร (-10.7 %)
- อันดับ 3 ประเทศสหราชอาณาจักร มูลค่า 592 ล้านยูโร (-36.5 %)
- อันดับ 75 ประเทศไทย มูลค่า 6 ล้านยูโร (-17.5 %)
ปี 2010 สถานการณ์การส่งออกสินค้าเฟอร์นิเจอร์อิตาลียังไม่สู้ดีนัก เนื่องจากความต้องการซื้อจากตลาดต่างประเทศยังคงอ่อนแอและความต้องการบริโภคสินค้าภายในไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในอิตาลีแบ่งออกเป็น 2 ตลาดหลัก ได้แก่
- Furniture Outlets สินค้าส่วนใหญ่มีคุณภาพ ราคาปานกลาง-ตา โดยมุ่งตลาดผู้บริโภคระดับกลางถึงล่าง มีสินค้าให้เลือกหลากหลายทั้งรูปแบบและราคา สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าหรือสินค้านำเข้าที่สั่งผลิตในต่างประเทศภายใต้รูปแบบดีไซน์อิตาเลียน
- Specialist Stores ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากผู้ผลิตที่มีขนาดเล็ก โดยเน้นผลิตสินค้าคุณภาพดี-ดีมากและราคาสูง มุ่งสำหรับตลาดบนหรือตลาดเฉพาะ (Niche Market)
8.1 เทรนด์สีเขียว Eco ถือเป็นเทรนด์หนึ่งที่กาลังมาแรงในวงการอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ในขณะนี้ โดยเน้นคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การรีไซเคิล การประหยัดพลังงาน
8.2 ความหรูหรา อลังการปัจจุบันจำนวนประชาชนจากหลายประเทศมีกำลังซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ต้องเน้นความหรูหราและภาพลักษณ์ที่ดี
8.3 คำนึงถึงเวลา วิถีชีวิตของคนในปัจจุบันที่เร่งรีบตลอดเวลา ส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ต้องตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
8.4 ความสมเหตุสมผล ในเรื่องราคาและคุณภาพที่เข้ากัน ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่
ปี 2009 เฟอร์นิเจอร์พร้อมประกอบในอิตาลีมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าวิฤกติเศรษฐกิจโลกยังคงปรากฎอยู่ โดยเฟอร์นิเจอร์พร้อมประกอบที่ได้รับความนิยมในอิตาลีแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่
9.1 เฟอร์นิเจอร์พร้อมประกอบติดตั้งโดยบริษัท ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าส่วนใหญ่ เพราะ สะดวก ลูกค้าไม่ต้องกังวลต่อการขนส่งและการติดตั้ง โดยลูกค้าจะเลือกแบบของสินค้าจากร้านค้า และร้านค้าจะให้บริหารขนย้ายและติดตั้งให้ที่บ้าน โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ได้แก่ ตู้โชว์ โต๊ะ เตียง ตู้เก็บอาหาร ตู้เก็บซีดีและวีดีโอ เป็นต้น ในอิตาลีมีศูนย์การค้าที่มีสินค้าและการบริการติดตั้งได้แก่ De Padova, Cenni Holding, Condorama, Mondo Convenienza, Semeraro เป็นต้น
9.2 เฟอร์นิเจอร์พร้อมประกอบแบบ knock-down or flat pack ซึ่งกำลังมาแรงและเป็นน่าจับตามองในขณะนี้ เพราะสินค้ามีราคาถูก คุณภาพเหมาะสมและมีรูปแบบหลากหลาย โดยโรงงานผลิต เฟอร์นิเจอร์อิตาลีส่วนใหญ่เริ่มหันมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่แยกชิ้นส่วนได้และสามารถประกอบโดยลูกค้า ได้แก่ Ikea, Castorama และBrico เป็นต้น
สไเหตุสำคัญที่ทำให้เฟอร์นิเจอร์ RTA ได้รับความนิยมจากผู้ผลิตและผู้บริโภคในอิตาลีเพิ่มขึ้น ได้แก่
1) ประหยัดค่าใช้จ่ายในการผลิตเพราะลูกค้าเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนเอง
2) ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บและขนส่ง
3) ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง
4) ลูกค้าสามารถประกอบและแยกชิ้นส่วนเพื่อขนส่งซึ่งจะสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องเปลี่ยน งานหรือที่อยู่อาศัยตลอดเวลา
5) เหมาะสมใช้ในงานแสดงหรืองานโชว์ต่าง ๆ
6) ง่ายต่อการแยกชิ้นส่วนเมื่อต้องการทิ้ง และง่ายต่อการแบ่งประเภทของวัตถุในการนา กลับมาใช้อีกครั้ง
7) ง่ายในการประกอบชิ้นส่วนและสามารถใช้เครื่องมือ/อุปกรณ์ช่วยที่มีอยู่ภายในบ้าน บริษัท Ikea เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ RTA จานวนมากและหลากหลาย ขณะนี้บริษัท Ikea ในอิตาลีมีสาขาทั้งหมด 15 สาขา และในปี 2010 จะเปิดให้บริการเพิ่มเติมอีก 2 สาขา รวมเป็น 17 สาขา โดยในปี 2009 บริษัท Ikea มียอดขายรวมทั่วโลก 21,5 พันล้านยูโร (+1.4%) โดยอิตาลีติดอันดับ 5 ของประเทศที่ Ikea มียอดขายเพิ่มขึ้น (7% จาก 1,334 ล้านยูโรในปี 2008) และติดอันดับ 3 ของประเทศที่ Ikea ซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น (8%)
ดังนั้น ในปี 2010 แนวโน้มของเทรนด์เฟอร์นิเจอร์พร้อมประกอบจะได้ความนิยมในอิตาลีเพิ่มขึ้น สวนทางเฟอร์นิเจอร์แบบคุณภาพดี
สินค้าเฟอร์นิเจอร์จากไทยจัดอยู่ในคุณภาพดีถึงดีมาก แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของผู้นำเข้าและมักมีความเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์ไทยราคาสูงเกินไป ประกอบกับในช่วงปีหลังผู้นำเข้าอิตาลีให้ความสาคัญกับราคาสินค้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีคู่แข่งทางการค้าที่สาคัญได้แก่ จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม และอินเดีย เป็นต้น นอกจากนี้ ชาวอิตาเลียนยังคานึงประโยชน์การใช้สอย อันเนื่องจากภาวะวิฤกติเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ส่งผลให้ชาวอิตาเลียนไตร่ตรองเพิ่มมากขึ้นในการใช้จ่ายดังนั้น การที่ไทยต้องการจะขยายกาลังการส่งออกมาสู่ตลาดอิตาลีควรมีการปรับตัว ดังนี้
10.1 ส่งออกสินค้าที่เน้นประโยชน์ใช้สอยบ้านเรือนของชาวอิตาเลียนส่วนใหญ่จะมีพื้นที่จำกัดโดยเฉพาะบ้านในตัวเมือง ส่งผลให้ชาวอิตาเลียนนิยมซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นประโยชน์ใช้สอยและประหยัดพื้นที่ ได้แก่
- โซฟาเตียงนอน โดยปกติตามบ้านชาวอิตาเลียนจะมีการจัดห้องนอนสำหรับแขกไว้ แต่ด้วยพื้นที่ที่มีจากัดจึงนิยมซื้อโชฟาที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงนอนสำหรับ 1-2 ท่าน โดยการนำเข้าโซฟาเตียงนอนส่วนใหญ่มาจากจีนเพราะมีเทคโนโลยีการผลิตแบบพับ ขณะที่โซฟาเตียงนอนในประเทศไทยยังไม่มีการผลิตออกมา หากไทยสามารถผลิตโซฟาเตียงนอนได้จะเป็นโอกาสดีสาหรับผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไทยที่จะขยายการส่งออกโซฟาเตียงนอนมายังตลาดอิตาลีและตลาดยุโรป
- โต๊ะรับประทานอาหาร(ดึงขยายความยาว) ถึงแม้ว่าครอบครัวชาวอิตาเลียนส่วนใหญ่จะ เป็นครอบครัวขนาดเล็กถ้าเทียบกับครอบครัวชาวยุโรป แต่ชาวอิตาเลียนนิยมรับประทานอาหารกับญาติหรือเพื่อนๆในเทศกาลสำคัญต่างๆ โดยจะปรับดึงโต๊ะอาหารให้มีขนาดยาวขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องต่อโต๊ะเพิ่มเติม ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยควรส่งออกสินค้าที่เน้นประโยชน์การใช้สอยที่ตอบสนองความต้องการของชาวอิตาเลียนให้มากที่สุด เพื่อเป็นการขยายยอดการส่งออก
10.2 ปรับรูปแบบสินค้าโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Eco) ปัจจุบันแต่ละประเทศเริ่มหันมาให้ความสาคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นโดยหนึ่งในนั้นคืออิตาลี จะพบว่าวงการเฟอร์นิเจอร์อิตาลีเริ่มให้ความสาคัญกับเฟอร์นิเจอร์รูปแบบEco และเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้วัตถุดิบรีไซเคิล ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพราะว่าเฟอร์นิเจอร์รูปแบบEco ที่ผลิตในประเทศไทยยังมีเด่นชัดนัก
10.3 เน้นส่งออกฐานรองฟูก ชาวอิตาลีให้ความสาคัญในเรื่องสุขภาพแม้กระทั่งเตียงนอน โดยฐานรองฟูกอิตาลีจะแตกต่างจากฐานรองฟูกไทย ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ฐานรองฟูกแบบธรรมดา ใช้กันทั่วไปโดยจะใช้ไม้แผ่นกว้างประมาณ 2 นิ้ว วางเว้นช่องว่างระหว่างกัน โดยฐานรองฟูกดังกล่าวจะมีลักษณะเด่นตรงที่แผ่นไม้จะโค้งเล็กน้อย เพื่อประโยชน์ในการรับนาหนักและเพื่อสุขภาพในการนอน
- ฐานรองฟูกแบบพิเศษ ซึ่งเป็นการพัฒนารูปแบบมาจากฐานรองฟูกแบบธรรมดา โดยมีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนขึ้น เช่น มีลูกยางกลมรองรับซี้ไม้แต่ละแผ่นเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและเพิ่มความสมดุล หรือสามารถปรับระดับฐานรองฟูก (เหมือนเตียงโรงพยาบาล) ด้วยรีโมทไทยจึงควรหันมาผลิตฐานรองฟูกป้อนตลาดอิตาลีและยุโรปซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีความต้องการสูงและอยู่ในช่วงขาด Supplier เพราะโรงงานใหญ่ในอิตาลีได้ปิดตัวลงเมื่อปีก่อนเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจ
งานแสดงสินค้า Salone Internazionale del Mobile 2010 (www.cosmit.it) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-19 เมษายน 2553 ถือเป็นงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งในโลก จัดขึ้น ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยมีบริษัทผู้ส่งออกไทยจำนวน 8 บริษัท เข้าร่วมแสดงในงานฯ ซึ่งเป็นครั้งที่สอง โดยปี 2009 บริษัทผู้ส่งออกไทยได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้เข้าชมทั้งชาวอิตาเลียนและชาวต่างชาติ จึงนับได้ว่าเป็นโอกาสดีในการเผยแพร่สินค้าเฟอร์นิเจอร์ไทยในงานดังกล่าว
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
ที่มา: http://www.depthai.go.th