ไล่ล่าหาเศรษฐีแขก ของเล่นใหม่ของคนเกราล่า

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 2, 2010 16:40 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ทุกวันนี้หากคุณเข้าไปเดินในสวนยางแถวปักษ์ใต้ของอินเดียแถบเกราล่า คุณจะได้พบรถเอนกประสงค์ (SUV) นำเข้าเลิศหรูคันงามแล่นไปมาขวักไขว่ท่ามกลางแมกไม้ ซึ่งเป็นภาพที่ชินตาแล้วสำหรับชนบทอย่างเกราล่า แตกต่างไปจากชนบทที่ยากจนแห่งอื่นของอินเดียอย่างสิ้นเชิง

พวกเขารวยอะไรกันนะ? คนกลุ่มนี้เป็นเศรษฐีใหม่ชาวสวนยางและกระวานเพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมายางและกระวานทำรายได้ดีมาก แต่ละคนจึงแสวงหารถหรูเริดแบบ SUV,MUV สุดแหร่มมาขับเล่นอวดกันเป็นทิวแถว แถมยังเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ มือถือใหม่ สวมใส่ทองกันเหลืองอร่าม ว่างๆ ก็ไปนั่งฆ่าเวลาในร้านอาหารหรูๆ กันสม่ำเสมอ

ในเกราล่าที่มีฝนชุกเหมือนปักษ์ใต้บ้านเรา มีชาวสวนยางอยู่ 1 ล้านราย อำเภอ Kottayam เป็นอำเภอที่ปลูกยางมากที่สุดของเกราล่าและของอินเดีย และแน่นอนว่ามีเศรษฐีใหม่มากที่สุดด้วย รองลงมาเป็น Pathanamthitta, Kollam และ Idukki ส่วนกระวาน เครื่องเทศสำคัญที่คนอินเดียพันล้านคนบริโภคทุกวัน ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,000 รูปี สร้างกำไรงามให้แก่ชาวสวนเกราล่าเป็นอย่างมาก บรรดาธนาคารต่างๆ พากันยัดเยียดสินเชื่อซื้อรถยนต์กันง่ายๆ หากชาวสวนคนใดมีรายได้เกินปีละ 2 แสนรูปีก็ถอยรถมาขับกันได้เลย แถมช่วง 2-3 เดือนแรกก็ยังไม่ต้องชำระหนี้ด้วย

ในปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ในเขตสวนยางและกระวานเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึง 76% รถที่ขายดีที่สุดเป็นรถมารูติ-ซูซูกิมีส่วนแบ่งตลาดถึง 31% แต่สำหรับผู้มีรายได้ปานกลางและปานกลาง-ระดับล่างมักจะมองหารถราคาย่อมเยาลงมา ประมาณ 2-4 แสนรูปี อย่างเช่น Alto, Wagon R, Chevrolet Spark และ Hyundai i10 ส่วนคนชั้นกลางค่อนข้างรวยจะนิยมรถ A Star, Esteem, Swift, SX 4, DZire, Aveo, Fiat Punto, Ford และ Xylo

ชาวไร่กระวานจะนิยมรถเอนกประสงค์มากกว่า เนื่องจากภูมิประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่ส่วนใหญ่ เป็นภูเขาสูง สำหรับลูกค้าระดับบนมักนิยมมีรถคันที่สอง ซึ่งมักเป็นรถหรูหรือรถอเนกประสงค์ โตโยตาและฮอนดาเป็นรถยอดนิยมในอำเภอ Kottayam และ Pathanamthitta ส่วนเบนซ์และบีเอ็มดับบลิวก็ทำยอดขายอย่างน่าประทับใจในสองเมืองนี้ เมื่อ 2-3 เดือนก่อนหากคุณซื้อรถ คุณสามารถรับรถได้ทันที แต่ปัจจุบันคุณต้องรอหลายเดือนที่เดียวกว่าจะได้รับรถ

ราคายางดิบปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 150 รูปีต่อกิโลกรัมซึ่งถือว่าสูงมาก โดยต้นยาง 15 ต้นสามารถกรีดน้ำยางมาทำยางแผ่นได้ 1 กิโลกรัม โดยปรกติจะมีการปลูก 200 ต้นต่อเอเคอร์ สามารถผลิตยางแผ่นได้ประมาณ 10 กิโลกรัมต่อเอเคอร์ แม้ว่า 2 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่ราคายางกลับสูงขึ้น และเมื่อเทียบกับ 3 ปีก่อน ราคายางสูงขึ้นถึง 150-200%

ไม่เฉพาะรถยนต์เท่านั้นที่ขายดี เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ มือถือ ทองคำ ก็มียอดขายเพิ่มขึ้น 50% เลยทีเดียว ส่วนเครื่องปรับอากาศยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 100% เครื่องสำรองไฟฟ้า (USP/อินเวอร์เตอร์) เพิ่มขึ้น 500% และเครื่องปั่นไฟก็มียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน

โอกาสในการเจาะตลาดอินเดีย

ดร. ไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ ผอ. สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไนให้ความเห็นว่า สินค้าไทยที่จะสามารถเจาะตลาดลูกค้าเศรษฐีใหม่อินเดียได้เป็นอย่างดี

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก อินเดีย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ