ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจอินเดียโต 7.4% และคาดว่าในปี 2553 จะโต 8.5% ส่งผลให้คนอินเดียถอยรถป้ายแดงมาขับกันเป็นว่าเล่นโดยเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมายอดขายรถทุกประเภทพุ่งขึ้นสูงถ้วนหน้า
ในเดือนพฤษภาคม 2553 ยอดขายรถรวมพุ่งขึ้นเป็น 1,208,851 คัน คิดเป็นขยายตัว 30 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และขยายตัว 8% เมื่อเทียบกับช่วงเมษายน 2553
สำหรับยอดขายรถยนต์นั่งในเดือนพฤษภาคม 190,575 คัน ขยายตัว 35% โดยมีมารูติซูซูกิรถยอดนิยมมียอดขาย (รวมส่งออก)สูงสุดทะลุเป้า 1 แสนคัน ในจำนวนนี้เป็นการขายในประเทศ 90,041 คัน สำหรับคู่แข่งอย่างฮุนได และทาทามียอดขายที่เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ระดับ 16% และ 33% ตามลำดับ ส่วนรถสองล้อก็มียอดขายเพิ่ม 29 % โดยเป็นจักรยานยนต์ 725,311 คัน 26 และรถสกุ๊ตเตอร์ 157,509 คัน สำหรับรถจักรยานยนต์ฮีโรฮอนดาผู้นำตลาดมียอดขายเพิ่ม 14 % ขณะที่ Bajaj ขยายตัว 68%
ยอดขายรถยนต์และจักรยานยนต์ในตลาดอินเดีย
พฤษภาคม 2553 พฤษภาคม 2552 % ขยายตัว รถยนต์นั่ง 190,575 141,145 35 รถเพื่อการพาณิชย์ 48,580 30,803 58 รถจักรยานยนต์/สกูตเตอร์ 936,555 727,933 29 รถสามล้อ 33,141 30,036 10 ยอดขายรถในประเทศรวม 1,208,851 929,917 30 ยอดการส่งออกรวม 179,130 119,749 50
การขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์อินเดียจะส่งผลดีต่อการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย เนื่องอุตสาหกรรมยายนต์อินเดียมีแนวโน้มต้องนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เติบโตตามอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ทัน โดยปัจจุบันการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์คิดเป็น 30 % ของยอดขายชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ โดยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา มีการนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสให้กับชิ้นส่วนยานยนต์ไทยเข้าไปทำตลาดได้มากขึ้น อีกทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ยังเป็นสินค้าที่อยู่ในบัญชีลดหย่อนภาษีของ FTA อาเซียน-อินเดียด้วย จึงคาดว่าปี 2553 จะเป็นปีทองของการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ไทยไปอินเดีย
ที่มา: http://www.depthai.go.th