บาร์ธามัน เมืองชนบทที่ห่างไกลท่ามกลางแมกไม้หนาทึบทางตะวันออกของอินเดีย ไม่เป็นที่รู้จักเท่าใดนัก แต่เศรษฐกิจกลับเติบโตอย่างไม่น่าเชื่อถึง 6.6% ต่อปี เมืองนี้มีอะไรดี เมืองนี้อยู่ตรงไหน และคนไทยจะเข้าไปหาช่องทางรวยได้หรือไม่ อย่างไร วันนี้เราจะไปหาคำตอบกัน
บาร์ธามันตั้งอยู่ในรัฐเบงกอลตะวันตก บนทางหลวงหมายเลข 2 (เชื่อมกัลกัตตา-กรุงนิวเดลี) ห่างจากกัลกัตตา 150 กิโลเมตร ประชากร 58% ของบาร์ธามันยังคงอยู่ในภาคเกษตรกรรม เมืองนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นยุ้งฉางของเบงกอลตะวันตก (granary of West Bengal) พื้นดินอุดมสมบูรณ์มีฝนตกชุกตลอดปี มีระบบชลประทานที่ดีเยี่ยมภายใต้โครงการ The Damodar Valley Project ช่วยให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ข้าวของบาร์ธามันเป็นสินค้าสำคัญที่ส่งไปขายทั่วอินเดียรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน
โดยที่บาร์ธามันตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์เชื่อมเมืองท่าโกลกัตตาและกรุงนิวเดลี รัฐบาลโดย The NCDC (National Co-operative Government Corporation) จึงได้สนับสนุนการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยการพัฒนาระบบห้องเย็น การแปรรูปสินค้าเกษตร บรรจภัณฑ์ และการตลาดในเมืองนี้ ซึ่งสินค้าไทยสามารถใช้ประโยชน์จากบาร์ธามันเป็นจุดพักสินค้าก่อนกระจายไปยังกรุงนิวเดลีและเมืองอื่นๆ ต่อไป อนึ่ง ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เร่งรัดพัฒนารัฐที่ล้าหลังอย่างเบงกอลตะวันตก และรัฐใกล้เคียง เช่น โอริสสา พิหารและสิกขิม ดังนั้นสินค้าทุกชนิดจากประเทศไทยจึงเป็นที่ต้องการในตลาดนี้
บาร์ธามันยังมีอุตสาหกรรมหนักที่เกี่ยวเนื่องกับสินแร่ที่มีอยู่อย่างมากมายในเบกอลตะวัตตกเอง (เช่น ถ่านหิน) และรัฐใกล้เคียงแถบพิหาร โอริสา และอัสสัม พื้นที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมของบาร์ธามันอยู่ที่เขต Asansol และ Durgapur อุตสาหกรรมเหล็กเป็นอุตสาหกรรมสำคัญ โดยมีโรงถลุงเหล็กขนาดใหญ่ 3 แห่งคือ Durgapur Steel Plant, Durgapur Alloy Steel Plant และIndian Iron and Steel Company (IISCO) เป็นแหล่งจ้างงานหลักของเมืองนี้ นอกจากนั้นยังมีโรงงานผลิตถ่านหิน เคมีภัณฑ์ และ Durgapur Fertilizer Project Durgapur Project Limited (โรงไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินและก๊าซของรัฐบาล) Chittaranjan Locomotive (โรงงานผลิตหัวจักร/ตู้รถไฟของรัฐบาล) Hindustan Cables Ltd (ดำเนินการโดยรัฐบาล เป็นโรงงานผลิตสายโทรศัพท์ดีที่สุดของอินเดีย)
การเปิดด่าน “นธุลา” (Nathula) ที่พรมแดนจีน (ทิเบต)-อินเดีย(รัฐสิกขิม) ช่วยเปิดเส้นทางออกทะเลให้จีนทางตอนใต้ เชื่อมอินเดียกับเส้นทางสายไหมในทิเบต และกระตุ้นเศรษฐกิจโกลกัตตาและบาร์ธามันให้คึกคักสุดขีด ปัจจุบันโกลกัตตาและบาร์ธามันเปรียบเหมือนแม่ที่คอยป้อนอาหารให้กับเมืองที่ยังล้าหลังในเวสต์เบงกอล อีสานของอินเดีย พิหาร และทิเบตของจีน จึงไม่น่าแปลงใจที่ว่าเกิดธุรกิจนำเข้าสินค้าทุกชนิดจากประเทศไทยทั้งที่เป็นทางการและกองทัพมด ส่งผลให้เที่ยวบินกรุงเทพ-โกลกัตตาเต็มเกือบทุกเที่ยวบิน
บาร์ธามันกำลังสร้างเมืองโรงพยาบาล (Medical city) ที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวเบงกอลด้วยงบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านรูปี เนรมิตศูนย์รักษาพยาบาลยักษ์ครบวงจร รับคนไข้ได้ 500 เตียง โดยได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2553 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2557 เพื่อส่งเสริม Medical tourism เป็นการเฉพาะ
โครงการนี้เมื่อแล้วเสร็จจะมีการจ้างงานทั้งโดยตรงและโดยอ้อมไม่ต่ำกว่า 9,400 คน ในจำนวนนี้จะเป็นแพทย์ พยาบาล และบุคลากรจำนวน 8,000 คน ทั้งนี้จะมีการให้บริการด้านสุขภาพชั้นยอด ด้าน การรักษาพยาบาล เภสัชกรรม การรักษาทางไกล วิทยาลัยแพทย์ ศูนย์แม่และเด็ก หอพักนักศึกษาแพทย์และบุคลากร ร้านค้า ศูนย์พักฟื้น และสถานบันเทิง
นายไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ ผอ. สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไนกล่าวว่าโอกาสทางธุรกิจในบาร์ธามันมีมากโดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าไปยัง กรุงนิวเดลี เวสต์เบงกอล โอริสา อัสสัม และพิหารของอินเดียอินเดีย
สำหรับโครงการเมืองโรงพยาบาลนั้น นับเป็นการมองการไกลของรัฐบาลอินเดียที่ชาญฉลาด เนื่องจากการเปิดใช้ด่าน “นธุลา” นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคอ่าวเบงกอลเติบโตอย่างรวดเร็วแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เกิดความต้องการด้านการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานสูงด้วย ปัจจุบันคนรวยหรือคนชั้นสูงในเนปาล ภูฏาน และเบงกอล หากต้องการการรักษาพยาบาลที่ดี ก็มักนิยมมารักษาที่เมืองไทย ดังนั้น ธุรกิจโรงพยาบาล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และสปาของไทยไม่ควรรอช้าเข้าไปทำความตกลงความร่วมมือด้าน Medical Tourism และ Health Tourism
หม้อแปลง วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ไม้อัด ไฟเบอร์บอร์ด กระดาษ ของเล่น พลาสติก ยางและผลิตภัณฑ์ อลูมิเนียม
สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไน
ที่มา: http://www.depthai.go.th