ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุม คสช.

ข่าวทั่วไป Tuesday July 8, 2014 14:30 —สำนักโฆษก

วันนี้ (8 ก.ค. 57) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พร้อมด้วย ร.อ.นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ คณะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายพลเรือน นางสาวชุติมา บุญยประภัสร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ร่วมกันแถลงข่าว สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นางสาวชุติมา บุญยประภัสร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเกี่ยวกับการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนระหว่างวันที่ 24- 26 สิงหาคม 2557 ว่าได้มีการเสนอขอความเห็นชอบจากการประชุมคณะ คสช. ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 5/2557 โดยได้รับความเห็นชอบ ดังนี้

1. ความเห็นชอบลงนามความตกลงการค้าบริการและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับอินเดีย ซึ่งได้เริ่มมาตั้งปี ค.ศ. 2010 โดยอินเดียจะได้รับการคุ้มครองการลงทุน และจะมีการเปิดเสรีในภาคบริการ ซึ่งไทยได้เปิดให้ทั้งหมด 80 สาขาบริการ อินเดียสามารถเข้ามาถือหุ้นในภาคบริการเหล่านี้ได้ 49 % ซึ่งจะได้รับหลักประกันที่มั่นคงว่าหากเกิดอะไรขึ้นการถือหุ้นจะไม่ลดลง

2. ความเห็นชอบในพิธีสารแก้ไขตารางภาษีแนบท้ายข้อตกลงการค้าเสรีออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

3. การทำงานระหว่างประเทศอาเซียน ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนปี 2558 ในด้านการเปิดการค้าเสรีภาคธุรกิจ บริการ

4. การลงนามความตกลงเรื่องการยอมรับร่วมกันในวิชาชีพบัญชี โดยให้อาเซียนยอมรับมาตรฐานวิชาชีพร่วมกัน และมีการลงทะเบียนไว้ในสภาวิชาชีพกลางของอาเซียน

5. การเจรจาความตกลงการค้า ในภาคบริการของอาเซียน Asean Trade and Services agreement

6. การแก้ไขภาคผนวกภาษีตารางภาษีแนบท้ายความตกลงในเรื่องการค้าสินค้า เพื่อให้ถูกต้องและสอดคล้องกับมาตรฐานโลก

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะ คสช. สรุปสาระสำคัญดังนี้

ผลการประชุมระดับผู้นำครั้งที่ 8 การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย (IMT-GT) เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2557 เป็นการประชุมคู่ขนานกับการประชุมอาเซียน ที่เนปิดอว์ เมียนมาร์ โดยในที่ประชุมมีการเห็นชอบการติดตามงานใน 6 สาขา ได้แก่ อาหารฮาลาล เกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตรและสิ่งแวดล้อม การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งในอาเซียน การพัฒนาบุคลากรร่วมกันใน 3 ประเทศ การท่องเที่ยว และการลงทุน

ที่ประชุมให้ความให้ความเห็นชอบ เรื่อง การยกระดับโครงการเมืองยางพารา (Rubber City) ให้เป็นระเบียงยาพารา (Rubber Corridor) รวมทั้งเร่งรัดการปรับปรุงด่านแชนแดนที่มีพรมแดนติดต่อกัน โดยเฉพาะไทยกับมาเลเซีย ที่ด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์ นอกจากนี้จะมีการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมกันไทย-มาเลเซีย เนื่องจากเป็นด่านที่มีความหนาแน่นในด้านการขนส่งสินค้า

โครงการนำร่องที่ได้มีการตกลงกัน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการการปรับปรุงด่านสะเดา โครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือนาเกลือ จังหวัดตรัง โครงการทางพิเศษมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา โครงการศูนย์กระจายสินค้าทุ่งสง โครงการเมืองสีเขียว เป็นโครงการของผู้ว่าราชการจังหวัด โดยไทยให้จังหวัดสงขลาเป็นเมืองนำร่อง และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โดยไทยตระหนักถึงความสำคัญของด่านชายแดน หากมีการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน

ทั้งนี้ด่านทั่วประเทศในไทยมีทั้งหมด 94 จุด ใน 31 จังหวัด ซึ่ง 5 ด่านที่มีความสำคัญ คือ ด่านสะเดา ด่านปาดังเบซาร์ ด่านแม่สอด ด่านอรัญประเทศ (ปอยเปต) ด่านอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด หลักสำคัญในการปรับปรุงเพื่อให้เชื่อมโยงกับกลุ่มอนุภูมิภาคในอาเซียน คือ การเชื่อมเครือข่ายการผลิตสินค้า (supply chain) การใช้ประโยชน์จากหลักโครงสร้างพื้นฐานของไทย สร้างความเจริญเติบโตร่วมกัน และความรวดเร็วในการปล่อยสินค้า

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ