พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ

ข่าวทั่วไป Thursday September 18, 2014 17:03 —สำนักโฆษก

วันนี้ (18 ก.ย.57) เวลา 09.00 ณ ห้องเทวกรรมรังรักษ์ สโมสรทหารบก (วิภาวดี) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ

ในการประชุมดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวถึงการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ขณะนี้ว่า การบริหารจัดการประเทศกำลังเข้าสู่ Roadmap ระยะที่ 2 ของ คสช. ซึ่งจะมีองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารประเทศตั้งแต่การรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของชาติ และการพัฒนาประเทศ ควบคู่กัน 2 องค์กร คือ คสช. และรัฐบาล และจะมีองค์กรสำคัญ คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ เข้ามาทำหน้าที่ในการปฏิรูปด้านต่างๆ เพื่อวางรากฐานในการพัฒนาประเทศ กระทรวงมหาดไทยจึงต้องเตรียมการรองรับการทำงานที่ท้าทายภายใต้สถานการณ์ที่มีระยะเวลาจำกัด ทั้งในเรื่องเร่งด่วนเฉพาะหน้า และการวางรากฐานที่จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองในระยะยาว โดยต้องดำเนินการ ทั้ง 3 มิติ คือ 1) การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และการดำเนินการให้มีการปฏิรูปและการส่งเสริมความสามัคคีและสมานฉันท์ของคนในชาติ 2) การสานต่อการดำเนินงานตามนโยบายของ คสช. ทั้งที่ได้รับมอบหมายอยู่เดิมและที่อาจมีการมอบเพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลต่อเนื่อง ในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัด/นายอำเภอ ต้องไม่คิดว่ารับผิดชอบเฉพาะงานของกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น แต่ต้องมีหน้าที่ต้องประสาน บูรณาการ กำกับ ดูแล ติดตามประเมินผล การดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของ คสช./ข้อสั่งการของหัวหน้า คสช. ในพื้นที่รับผิดชอบทุกเรื่อง และ 3) การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ซึ่งได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศว่าด้วยการเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนาตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นหลักสำคัญ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ซึ่งต้องนำนโยบายในส่วนที่เกี่ยวข้องมาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติราชการระยะเวลา 1 ปี เพื่อรองรับการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม...

โดยได้เน้นย้ำเป็นพิเศษในเรื่องสำคัญ ดังนี้ 1.การเทิดทูนและธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ โดยร่วมกับประชาชนทุกหมู่เหล่าเทิดทูนสถาบันไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และหลักการทรงงานไปสู่การปฏิบัติของประชาชน 2. เรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ ต้องเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีปรองดองให้ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสงบสุข ปลูกฝังจิตสำนึกและค่านิยม 12 ประการ ให้คนไทย มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ถูกต้อง รวมทั้งการเคารพกฎหมาย รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเมือง การปกครองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปกครองส่วนภูมิภาค จนถึงการปกครองส่วนท้องถิ่นและการปฏิรูปในแนวทางที่ถูกต้อง 3. การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายในชาติ ดำเนินการตามภารกิจด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ได้รับมอบหมายจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง ด้านการแก้ไขปัญหาสังคมให้เดินหน้าแก้ไขปัญหาในเรื่องสำคัญ เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาอบายมุข การจัดระเบียบสังคม การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย การป้องกันการค้ามนุษย์ ปราบปรามผู้มีอิทธิพล การดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น ด้านการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้อง สร้างความเข้มแข็งให้แก่อำนาจรัฐ โดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ เสริมสร้างขวัญกำลังใจและพัฒนาประสิทธิภาพ ในการปฏิบัติงานของบุคลากรในสังกัด ตามยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และแนวทางสันติวิธี ทั้งนี้ สำหรับงานพัฒนาในพื้นที่ให้คำนึงถึงความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ คือ ทำแล้วต้อง “โดนใจพี่น้องประชาชน” 4. การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เช่น การพัฒนาศูนย์ดำรงธรรม ต้องทำให้มีความเข้มแข็งสามารถปฏิบัติหน้าที่ทั้งเรื่องการให้บริการ และการแก้ไขความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ รวมถึงภารกิจอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลหรือ คสช. และขยายสู่อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/ตำบล/หมู่บ้าน รวมทั้งขยายงานบริการให้หลากหลาย สร้างความร่วมมือ สู่ภาคเอกชน ธุรกิจ ภาคประชาสังคม องค์กรสาธารณกุศล และนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาพัฒนาทั้งระบบ ที่สำคัญคือต้องทำให้ประชาชนมีความผูกพัน พึงพอใจ ไว้วางใจเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ด้านการให้บริการโดยเฉพาะบุคลากรผู้ที่ต้องให้บริการประชาชนโดยตรง ต้องพัฒนาให้ถึงระดับเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับการให้บริการขององค์กรธุรกิจเอกชนภายใต้แนวคิด “บริการด้วยใจ คนไทยยิ้มได้”สามารถให้บริการเชิงรุก ด้านการให้บริการต่างๆ แก่ประชาชนให้มีการทบทวนกระบวนงาน ขั้นตอน อำนาจในการอนุมัติ อนุญาตต่างๆ ของหน่วยงานในสังกัดทุกระดับ ต้องดำเนินงาน เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส มิให้เจ้าหน้าที่ หลีกเลี่ยง ประวิงเวลา หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ก่อให้เกิดการทุจริต การสูญเสียโอกาส และการสร้างความเสียหายแก่ประชาชนได้ ด้านการพัฒนาประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเน้นหนักเรื่องการป้องกันและลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่างๆ รวมทั้งการเตรียมการป้องกัน แก้ไขปัญหาสาธารณภัยขนาดใหญ่ รวมทั้งการกำจัดขยะ โดยจะต้องบูรณาการทั้งระบบ 5. ด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ให้บูรณาการการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับครัวเรือนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ ลดค่าใช้จ่าย ในเรื่องค่าเช่านา ต้นทุนการผลิต ปัจจัยการผลิตของเกษตรกร และดูแลให้ความช่วยเหลือในการกระจายผลผลิต ส่งเสริมการตลาด รวมทั้งการจัดระบบ Zoning เพื่อการเกษตร เร่งรัดการดำเนินงานเพื่อใช้ประโยชน์จากที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีการบุกรุกเพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาชนบท การจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ การออกโฉนดที่ดิน การวางและจัดทำผังเมืองรวม ขยายเขตให้บริการระบบไฟฟ้า น้ำประปา และการคมนาคมขนส่งที่อยู่ในความรับผิดชอบ และ ?6. การบริหารบ้านเมืองที่ดี โดยให้ดำเนินการตามแนวทางการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ภายในระยะเวลา 1 ปี เร่งรัดดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ที่ 69/2557 และยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐอย่างเข้มข้น ต่อต้านการทุจริตและเร่งรัดการดำเนินการต่อผู้กระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งในด้านวินัยและคดี รวมทั้งขับเคลื่อน “แผนมหาดไทยใสสะอาด” ให้เป็นรูปธรรมและขยายผลไปสู่จังหวัด/อำเภอ/ท้องถิ่นใสสะอาดโดยเร็ว

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้บุคลากรของกระทรวงมหาดไทยทุกหน่วย ทุกระดับ ร่วมกันทำงานในเชิงรุกและเตรียมพร้อมรองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้น สำหรับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ขอให้ติดตามกำกับ ดูแลการดำเนินงานตามนโยบายทุกเรื่องในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงหรือหน่วยงานใด โดยให้ทำงานเชิงรุก รวดเร็ว ทุ่มเท จริงจัง มุ่งผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม และยั่งยืน สอดคล้องกับหลักปฏิบัติของรัฐบาล “ทำก่อน ทำจริงจัง ทำทันที บังเกิดผลสัมฤทธิ์เร็วที่สุด และยั่งยืน” เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ