รมว.ศธ.รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของฝ่ายสังคมจิตวิทยา ด้านการศึกษา

ข่าวทั่วไป Wednesday October 8, 2014 16:20 —สำนักโฆษก

พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าวผลการประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2557 ในประเด็นความก้าวหน้าการดำเนินงานของฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. ด้านการศึกษา

รมว.ศธ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. ที่รับผิดชอบดูแลการดำเนินงานทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านวิทยาศาสตร์ และด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานต่อที่ประชุม ซึ่งในส่วนของด้านการศึกษา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงการดำเนินงานในประเด็นต่างๆ ดังนี้

การก่อเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษา นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ ศธ.หาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว หากพบว่าสถานศึกษาใดมีนักศึกษาทะเลาะวิวาทกันอีกอย่างต่อเนื่อง ให้ปิดคณะหรือสถาบันการศึกษานั้นๆ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการปิดคณะหรือสถาบันศึกษาจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะดำเนินการ เพราะขณะนี้ ศธ.ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รวมทั้งสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันที่เข้าพบเมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับการจัด “หลักสูตรเตรียมอาชีวะ” ก่อนเข้าเรียนในสถานศึกษา โดย สอศ. จะร่วมมือกับหน่วยงานทางทหารในการปลูกฝังและปรับทัศนคติให้นักเรียนนักศึกษาได้ใช้ชีวิตร่วมกันก่อนเข้าเรียน เพื่อฝึกความมีระเบียบวินัย ความสามัคคี คุณธรรมจริยธรรม ความรักชาติ รักสถาบัน แต่จะไม่เข้มข้นเท่ากับหลักสูตรทหาร ซึ่ง สอศ.จะเริ่มดำเนินการหลักสูตรเตรียมอาชีวะกับนักเรียนนักศึกษาบางส่วนในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะดำเนินการกับนักเรียนนักศึกษาใหม่ทั้งหมดในปีการศึกษา 2558

การผลิตคนเพื่อการมีงานทำ ในแต่ละปีสถาบันการศึกษาต่างผลิตนิสิตนักศึกษาออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีข้อมูลว่าบัณฑิตเหล่านี้มีงานทำหรือไม่ หรือออกไปทำงานอะไรบ้าง ดังนั้น ศธ. จึงต้องการจะรวบรวมข้อมูลสถิติเพื่อให้ทราบถึงจำนวนบัณฑิตที่มีงานทำ สาขาที่ทำงาน และแนวดำเนินการที่จะผลิตบัณฑิตได้ตรงกับความต้องการของภาคเอกชน โดยขอให้หน่วยงานต่างๆ รวบรวมและปรับปรุงข้อมูลให้มีความทันสมัยอย่างต่อเนื่อง

การฝึกประสบการณ์ด้านอาชีวศึกษา ในการเรียนการสอนระดับอาชีวศึกษา จะต้องให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนประสบการณ์การทำงานในสถานประกอบการ ซึ่งนอกจากจะเป็นการฝึกฝนวิชาชีพที่กำลังศึกษาอยู่ และได้ประสบการณ์ในการทำงานแล้ว ควรให้ผู้เรียนมีรายได้จากการฝึกประสบการณ์ด้วย ทั้งนี้ในปัจจุบันมีการดำเนินการในลักษณะทวิภาคีกับกลุ่มอุตสาหกรรมและสถานประกอบการต่างๆ จำนวนมาก

การเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ความต้องการของตลาดแรงงานจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงต้องการเตรียมบุคลากรของประเทศ ซึ่งขณะนี้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดทำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เพื่อเทียบโอนบุคลากรที่ไม่ได้ผ่านการศึกษาในระบบ แต่เป็นผู้มีประสบการณ์จากการทำงาน ก็สามารถนำไปเทียบโอนได้ เพื่อเพิ่มวิทยฐานะหรือนำไปใช้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น หรือใช้เทียบโอนเพื่อทำงานในประเทศต่างๆ ในประชาคมอาเซียน

การเรียนพิเศษ ขณะนี้มีการเรียนพิเศษในทุกระดับตั้งแต่ระดับอนุบาลขึ้นไป หากสถานศึกษาหรือสถาบันการศึกษาต่างๆ จัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามหลักสูตรอย่างครบถ้วน ก็จะทำให้ความจำเป็นที่จะต้องเรียนพิเศษเพิ่มเติมอาจจะน้อยลง นอกจากนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินหรือการสอบด้วย เพราะหากข้อสอบไม่ได้ออกนอกเหนือหรือเกินจากหลักสูตร ความจำเป็นในการเรียนพิเศษก็จะน้อยลงเช่นกัน

ค่านิยมหลัก 12 ประการของคนไทย จากการที่นายกรัฐมนตรีได้มอบคำกลอนค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ เพื่อให้ ศธ.นำไปเผยแพร่แก่สถานศึกษาในสังกัด เพื่อต้องการปลูกฝังค่านิยมไทยเหล่านี้แก่ผู้เรียน โดยเริ่มจากการท่องจำ โดยครูผู้สอนควรอธิบายความหมายของแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจเพื่อสามารถนำไปปฏิบัติได้

ความปลอดภัยของการเดินทางไปทัศนศึกษาของนักเรียนนิสิตนักศึกษา ทุกหลักสูตรการศึกษาจะมีการจัดทัศนศึกษาสำหรับนักเรียนนักศึกษา ซึ่งจะส่งผลให้อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ฉะนั้นจึงจะต้องมีการดูแลการเดินทาง สภาพ และการควบคุมความเร็วของยานพาหนะ โดยจะขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมการขนส่งทางบก เข้ามาดูแลด้วย

การลดภาระงานของครู จากคำพูดที่ว่า “คืนครูสู่ห้องเรียน” เนื่องจากในปัจจุบันนี้ครูไม่ได้ทำหน้าที่ในการสอนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำงานอื่นด้วย เช่น งานธุรการ การเตรียมความพร้อมเพื่อตรวจรับการประเมินสถานศึกษา และครูอาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนการสอนเพื่อเตรียมการประเมินวิทยฐานะของตนเองด้วย ดังนั้นเป้าหมายหนึ่งของ ศธ.คือ ต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อลดภาระงานของครู

การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงภาพรวมของทุกกระทรวง เกี่ยวกับกฎหมายต่างๆ ที่ได้มีการนำเสนอมายัง คสช.แล้ว แต่อาจจะยังไม่เข้าที่ประชุมสภาฯ จึงได้มีการเน้นย้ำให้แต่ละกระทรวงนำกฎหมายต่างๆ กลับไปพิจารณาและทบทวนอีกครั้ง หากกระทรวงใดแก้ไขหรือเห็นว่ามีกฎหมายเหล่านั้นมีความเหมาะสมแล้ว ขอให้เสนอกลับมาอย่างเร่งด่วน ซึ่งในส่วนของ ศธ.มีการเสนอกฎหมายไป 4 ฉบับ ที่จะต้องนำเสนอกลับเข้าไปอีกครั้ง

กุณฑิกา พัชรชานนท์ - นวรัตน์ รามสูต

บัลลังก์ โรหิตเสถียร

สรุป/รายงาน

Published 8/10/2557

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ