ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าต้องมีกฎหมายนี้ออกมาแน่นอนใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องมี ประเทศรอบบ้านและทั่วโลกเขามีหมดแล้ว คนไทยต้องยอมรับกติกากันบ้าง ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะวุ่นวาย วันนี้การเมืองคือการเมือง ตนไม่ได้ขัดแย้งกับการเมือง ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของวิป ถ้าเสร็จเรียบร้อยถึงจะเสนอรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะเห็นชอบและนำเข้า ครม. โดยการนำเข้าครม. ไม่ได้หมายความว่าจะอนุมัติเลย เมื่อผ่าน ครม.ก็จะเข้าสู่ สนช. พิจารณาในวาระ 1 -3 เสร็จแล้วก็ประกาศ ใช้เป็นกฎหมาย เมื่อประกาศแล้วก็มีผลการบังคับใช้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ฉะนั้นยังมีโอกาสโต้แย้ง แต่ตนเห็นว่าควรจะมีกฎหมายดังกล่าว จะได้ป้องกันเจ้าหน้าที่ได้ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาการกระทบกระทั่งกับประชาชน หากมีคนไม่ดีซักคนสองคนใช้อาวุธเจ้าหน้าที่ก็ตาย ประชาชนก็เจ็บ ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบอีก ตรงนี้มันเป็นประเด็นและจะไม่จบ ถ้าทุกรัฐบาลคิดแบบตนการเมืองก็ว่าของท่านไป ท่านจะอะไรก็ทำไป แต่ต้องไม่ลืมเสียงส่วนน้อย ต้องดูแลทั้งเสียงส่วนน้อยและเสียงส่วนใหญ่ จะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนรัฐบาล เขาเป็นคนไทย ต้องดูแลคนไทยควรจดจำไว้ทุกรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ที่รัฐบาลนี้พยายามจะออกกฎหมาย แต่นักการเมืองจ้องฉีก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไปทะเลาะกับเขาไม่ได้ ต้องพยายามสร้างความเข้าใจ ถ้าต้องการให้ประเทศไทยไปข้างหน้า ไม่ใช่การเมืองดีแล้วประเทศไทยถอยหลังมันไม่ได้ หากพรรคท่านดีหรือรัฐบาลดี แต่ประเทศชาติไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมโลกภายนอก แล้วเราจะทำอะไรต่อไปได้ รายได้จะมาจากไหน วันนี้รายได้ของเรามาจากการส่งออก 60 -70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อทั่วโลกรายได้ตก เราก็ตกตามเขา เราจะทำอย่างไรถึงจะสู้เข้าได้ ให้เวลาตนมาคิดอย่างนี้ดีกว่า วันนี้เราสร้างความเข้มแข็ง การลงทุน บีโอไอ (ส่งเสริมการลงทุน) เพิ่มเทคโนโลยี เครื่องจักรเครื่องมือใหม่ อะไรต่าง ๆ เราคิดใหม่ทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลเตรียมรับอย่างไร ซึ่งประเทศที่เคยให้สิทธิพิเศษ มองว่าประเทศไทยหลุดพ้นจากความยากจน และจะไม่ให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศไทยแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นี่คือปัญหา ซึ่งต้องไปคเจรจาสร้างความเข้าใจ โดยจะขอยืดเวลาให้ผ่อนผัน เช่น การลดสิทธิทางภาษีที่จะไม่ยกเว้นให้แล้ว ถ้าไม่ลดสิทธิทางภาษีต้นทุนก็จะสูงขึ้น เพราะค่าแรงสูงบวกต้นทุนแล้วจะทำให้ค่าลงทุนสูง จะสู้กับประเทศที่มีค่าแรงงานถูกไม่ได้ ตรงนี้คือภาพรวมของเศรษฐกิจ ขึ้นอยู่ว่ารัฐบาลนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งยังใช้มาตรการเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และปรับทั้งหมดทำคู่ขนานกันไปในระยะเวลาแค่ 4 เดือน รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้ทำอย่างนี้
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th