นรม.พร้อมครม.เตรียมขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ข่าวทั่วไป Saturday October 11, 2014 12:46 —สำนักโฆษก

นรม.พร้อม ครม.เตรียมประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ และมูลนิธิรากแก้ว เพื่อขับเคลื่อนโครงการตามแนวพระราชดำริด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยรัฐบาลจะนำร่องพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนใน 19,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม ศกนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในการประชุมหารือร่วมกับคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ มูลนิธิรากแก้ว ตลอดจนผู้บัญชาการทหารบก เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้นประมาณ 30 คน

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในรายละเอียดว่า นโยบายของรัฐบาล ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 ณ ห้องประชุม อาคารรัฐสภา ได้เน้นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นความพอดี พอสมควรแก่ฐานะ ความมีเหตุมีผล และความพอประมาณ ตลอดจนการมีภูมิคุ้มกันบนพื้นฐานของความรู้คู่คุณธรรม อีกทั้งยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่ ความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ตามแนวพระราชดำริไปดำเนินการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วประเทศให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ เนื่องจากมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ มีประสบการณ์ในการพัฒนาชนบทตามแนวพระราชดำริ ร่วมกับหน่วยราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ และชุมชนในหลายพื้นที่ ตลอดจนมีการศึกษาวิจัยกระบวนการพัฒนาชนบท ตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่มีความเหมาะสม โดยรัฐบาลจะนำสิ่งที่ได้จากการหารือฯ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวในช่วงระหว่างปี 2557-2560

สำหรับ แผนยุทธศาสตร์การบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เป็นแผนระยะ 4 ปี ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำขึ้น เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติให้สามารถบรรลุเป้าหมายและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ประกอบด้วยแผนยุทธศาสตร์ 7 ด้าน ซึ่ง 1 ใน 7 ยุทธศาสตร์ของการพัฒนาประเทศ จะเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการเกษตรและชนบท ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 18,594 หมู่บ้านหรือประมาณ 25% ของหมู่บ้านทั้งหมด ใน 4 กลุ่มคือ พื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ศึกษาการพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 6 แห่ง หมู่บ้านนำร่องของมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ หมู่บ้านนำร่องในโครงการบูรณาการจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและโครงการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแบบ ABC (Area Based Collaborative Research) หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงของกรมการพัฒนาชุมชนและหมู่บ้านที่รับประโยชน์จากโครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ด้านอื่น ๆ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ส่งเสริมการขับเคลื่อน การพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการศึกษา ธุรกิจ ต่างประเทศ ประชาสัมพันธ์ ความมั่นคง และการบริหารจัดการ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2553 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาประเทศตามแนวพระราชดำริให้เป็นแนวทางหลักของชาติ ต่อมา มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ได้ร่วมกับหน่วยราชการต่าง ๆ สรุปแนวทางการดำเนินงานแบบปิดทองหลังพระฯ และได้พัฒนาขึ้นเป็นแนวทางการปฏิบัติงานรูปแบบใหม่ เรียกว่า แผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามแนวพระราชดำริ และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้บรรจุแนวทางนี้ไว้ในแผนบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อปี 2554 ซึ่งในปัจจุบัน กระทรวงมหาดไทยได้นำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติของจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ และขณะนี้ มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ 5 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดน่าน อุดรธานี เพชรบุรี อุทัยธานีและกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำล่าสุด โดยมีกองทัพบกร่วมดำเนินการอยู่ด้วย

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

พัณณ์วรินทร์ อินโท่โล่ รายงาน

ดวงใจ กล่อมจิตต์ ตรวจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ