นายกรัฐมนตรีหนุนเอกชนไทยลงทุนในเมียนมาร์ บนพื้นฐานเท่าเทียมและเป็นธรรม

ข่าวทั่วไป Saturday October 11, 2014 12:49 —สำนักโฆษก

วันนี้ (10 ตุลาคม 2557) เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหารือกับภาคธุรกิจไทยในเมียนมาร์ ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวกับนักธุรกิจไทยที่มาพบว่า ต้องรวมตัวกันให้ได้ถือเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียน บนพื้นฐานความไว้วางใจ เท่าเทียมและเป็นธรรม เมียนมาร์ถือเป็นมิตรประเทศที่สำคัญต่อไทย ทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์ร่วมกันในหลายมิติ ทั้งเป็นแหล่งการค้าและการลงทุนสำคัญของภาคธุรกิจไทย การเข้ามาเปิดตลาดหรือเข้าลงทุนในเมียนมาร์ของภาคธุรกิจไทยถือเป็นการเกื้อหนุนการพัฒนาประเทศ โดยการเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ เพื่อเป็นการแนะนำตัวในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศอาเซียน

โดยเมื่อวานนี้ได้มีการหารือกับประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ครอบคลุมในหลายประเด็น ซึ่งไทยยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศที่ใกล้ชิดอยู่แล้วให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน การส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนไทยถือเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล

ขณะนี้ ไทยได้ซ่อมแซมสะพานมิตรภาพ และปรับปรุงเส้นทาง เพื่อลดความแออัดของการจราจร อีกทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ออกแบบเส้นทางในโครงข่ายเส้นทางสำคัญในเมียนมาร์ เชื่อมต่อกับไทยซึ่งการพัฒนาเส้นทางเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับภาคเอกชนในการขนส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดเมียนมาร์ชั้นใน และช่วยส่งเสริมและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านการค้าและการลงทุนตามเส้นทางดังกล่าว นอกจากนี้แล้วไทยต้องเร่งพัฒนาความเชื่อมโยงทางระบบการเงิน รวมทั้งระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยเริ่มพัฒนาด่านการค้าชายแดนและโครงข่ายการคมนาคมขนส่งบริเวณประตูการค้าหลักของประเทศ พัฒนาระบบ National Single Window และอำนวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่งสินค้าข้ามแดน เพื่อรองรับการเชื่อมโยงกระบวนการผลิต การย้ายฐานการผลิตไปยังพื้นที่ชายแดนและการลงทุนข้ามแดน ทั้งนี้ไทยยังเดินหน้าผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยโครงการระยะแรกจะสามารถเริ่มการก่อสร้างต่อไปได้ในปลายปีนี้

ภาคเอกชนไทยที่สนใจและมีศักยภาพควรเร่งเข้ามาดูลู่ทางลงทุนทำธุรกิจในเมียนมาร์ โดยเฉพาะแนวชายแดนที่มีการพัฒนาร่วมกัน เพื่อขยายโอกาสและฐานทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน นักธุรกิจไทยจะสามารถรักษาที่ยืนและขยายโอกาสทางธุรกิจในตลาดเมียนมาร์ได้อย่างยั่งยืน

ภายหลังเสร็จสิ้น การพบปะหารือกับทีมประเทศไทยและภาคธุรกิจไทยในเมียนมาร์ ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางกลับประเทศไทย โดยจะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร (บน. 6) ในเวลาประมาณ 16.25 น.

กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ / สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ