โฆษกรัฐบาลเผยนายกรัฐมนตรีสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถดำเนินการและเติบโตได้

ข่าวทั่วไป Tuesday November 18, 2014 17:25 —สำนักโฆษก

วันนี้ (18 ต.ค.57) เวลา 14.50 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อสภาพอากาศและภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความห่วงใยและมีมาตรการรองรับต่อปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อประชาชนเกิดความสบายใจ และรับทราบถึงแนวทางการช่วยเหลือของรัฐบาลเป็นอย่างไร เพื่อจะสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำเรื่องการลงไปตรวจเยี่ยมหรือตรวจงานของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือผู้ตรวจราชการต่าง ๆ ขอให้เน้นเรื่องการบูรณาการให้สอดคล้องกับหน่วยงานระดับจังหวัดเพื่อให้แผนที่มาจากหน่วยงานส่วนกลางกับแผนการพัฒนาจังหวัดมีความสอดคล้องต้องกัน ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณของในทุกกรณีของทุกหน่วยงานต้องให้ความสนใจ และเน้นความรวดเร็วควบคู่ความมีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามเรื่องการจ่ายเงินข้าวให้กับเกษตรกรชาวนาและการจ่ายเงินยางให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง โดยเรื่องการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรชาวนานั้น อาจจะล่าช้าบ้างเนื่องจากต้องมีการตรวจสอบข้อมูลให้มีเกิดชัดเจน แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว คาดว่าเดือนธันวาคม 2557 จะสามารถจ่ายเงินให้เกษตรกรชาวนาได้รวดเร็วมากขึ้น ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกรณีของการจ่ายเงินให้เกษตรกรสวนยางพาราแม้ขณะนี้จะอยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีรายชื่อ แต่ก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินให้เกษตรกรชาวสวนยางได้ทันภายในพฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่าหากตรงไหนมีความพร้อมก่อนก็ให้จ่ายเงินให้เกษตรกรได้ทันทีโดยไม่ต้องรอข้อมูลทั้งระบบ เพื่อให้มาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดผล และเกษตรกรมีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายต่อไป

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีที่ได้มอบหมายให้ฝ่ายที่ปรึกษาดำเนินการรวบรวมข้อมูลประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนและการพิจารณาเรื่องการทุจริต ซึ่งหน่วยงานที่ได้ตรวจสอบ คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยผลการตรวจสอบพบว่า ในส่วนของ ป.ป.ช. ได้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 จนถึงวันที่ คสช. เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน (22 พ.ค.57) จำนวนทั้งสิ้น 1,991 เรื่อง และนับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันได้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว จำนวน 269 เรื่อง มีการชี้มูลความผิดก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จำนวน 1,494 เรื่อง หลังจากวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีจำนวน 48 เรื่อง ขณะที่ในส่วนของ ป.ป.ท. ดำเนินการสอบสวนแล้วเสร็จระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 จำนวน 1,670 เรื่อง และยังอยู่ระหว่างดำเนินการตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2557 ถึงปัจจุบัน จำนวน 4,980 เรื่อง สำหรับกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั้น ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 3 เรื่อง และส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนกรณีการทุจริตที่เกิดขึ้นในหน่วยงานราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงนักการเมืองในรัฐบาลที่ผ่านมานั้น อยู่ในความสนใจและติดตามผล จำนวน 13 เรื่อง ขณะที่ คตร. แจ้งว่าได้ดำเนินการติดตามโครงการต่าง ๆ จำนวน 30 โครงการ ปรากฏพบว่ามี จำนวน 10 โครงการ ที่ต้องดำเนินการซึ่งใน 10 โครงการดังกล่าวมีบางส่วนที่ถูกต้องก็ให้ดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามบางส่วนที่ยังไม่ถูกต้องแต่สามารถแก้ไขได้ เช่น ยกเลิกให้มีการดำเนินการใหม่ หรือมีการปรับแก้ไขในรายละเอียดบางส่วน เป็นต้น ส่วนที่พบว่ามีการทุจริตก็ได้ส่งต่อให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไปเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความห่วงใยต่อ SMEs ว่า กรณีเรื่องธุรกิจขนาดเล็กขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม การะทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ไปบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อพัฒนาขีดความสามารถและหาตลาดให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ตลอดจนการสนับสนุนในเรื่องเงินกู้ด้วย เพื่อผู้ประกอบการขนาดเล็กจะได้เกิดความมั่นใจและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ รวมทั้งสามารถขยายตัวเป็นธุรกิจขนาดกลาง และอาจเชื่อมต่อเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้ในอนาคต เป็นต้น

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ