พลตำรวจเอกสุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ประไทยมีความมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนด้านสิทธิสตรี โดยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมาธิการบริหารของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี(CSW) และองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UNWOMEN) โดยการประชุมครั้งนี้ จะทำให้ประชาคมโลกได้ตระหนักถึงความเสมอภาคทางเพศ การเสริมพลังสตรี และธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals) และวาระการพัฒนาภายหลังปี ๒๕๕๘ (Post-2015 Development Agenda) โดยเฉพาะเป้าหมายของการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ได้มุ่งให้สตรีและเด็กหญิงทั่วโลกได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของทุกระดับ ทั้งในส่วนภาครัฐและภาคเอกชน ตั้งแต่การกำหนดนโยบาย การนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และการกำกับติดตามการพัฒนาทุกขั้นตอน ซึ่งเห็นได้จากประเทศไทยมีแผนพัฒนาสตรีฉบับปัจจุบัน ที่เป็นนโยบายระดับชาติ โดยแผนดังกล่าวให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของสตรีในทุกระดับ อีกทั้งยังมีการ บูรณาการตัวชี้วัดการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ เพื่อติดตามการนำแผนพัฒนาชาติไปสู่การปฏิบัติ สนับสนุนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรีในหลายโครงการ และมีความพยายามในจัดตั้งระบบโควตาเพื่อเพิ่มสัดส่วนของสตรีในการเลือกตั้ง ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ซึ่งความพยายามดังกล่าวอยู่ระหว่างเสนอร่างนโยบายให้คณะกรรมการเลือกตั้งพิจารณา และหากได้รับความเห็นชอบแล้ว จะถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองไทยในเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศ
พลตำรวจเอกสุวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การศึกษานับว่าเป็นเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเสริมศักยภาพให้แก่เด็กและสตรีของประเทศไทย โดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปี พ.ศ.๒๕๔๒ และฉบับที่แก้ไขในปี พ.ศ.๒๕๔๕ เป็นหลักประกันการเข้าถึงการศึกษาสำหรับทุกคน ซึ่งมีการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาเพื่อส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศ และขจัดความมีอคติทางเพศ ตลอดจนส่งเสริมให้มีการอบรมผู้บริหารในสถานศึกษาและครู ให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมุมมองทางเพศ นอกจากนี้ ยังมีได้มีการจัดทำการศึกษาเรื่องอคติทางเพศที่ปรากฏในหนังสือแบบเรียน รวมถึงศึกษาทัศนคติของครูและนักเรียน โดยผลการศึกษาที่ได้จะสามารถนำไปขยายผลให้เกิดความเสมอภาคทางเพศในด้านการศึกษาต่อไป
"สำหรับการพัฒนาภายหลังปี ๒๕๕๘ ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาประชาชนให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ ประเทศไทยยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการทำงานและรับผิดชอบร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศและการเสริมพลังสตรี ตลอดจนกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาระดับสากล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสตรีภายหลังปี ๒๕๕๘ ต่อไป”พลตำรวจเอกสุวัฒน์ กล่าวตอนท้าย.
ที่มา: http://www.thaigov.go.th