กพช.หนุนวาระแห่งชาติในการจัดการขยะ เปิดส่งเสริมขยะอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า

ข่าวทั่วไป Tuesday February 17, 2015 17:38 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุม กพช. หนุนนโยบายวาระแห่งชาติในการจัดการขยะ เปิดรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้จากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเข้าไปอยู่ตามเป้าหมายแผน AEDP อีก 50 เมกะวัตต์ให้ครอบคลุมขยะทุกประเภท เร่งเดินหน้าสร้างมั่นคงระบบไฟฟ้าประเทศโดยเห็นชอบแผนแม่บทโครงข่ายไฟฟ้าสมาร์ทกริดปี 58-79

วันนี้ (16 ก.พ.58) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยมี หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ซึ่งภายหลังการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้แถลงผลการประชุมที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร สรุปสาระสำคัญดังนี้

ที่ประชุมรับทราบรายงานแนวโน้มสถานการณ์พลังงานในปี 2558 ซึ่งมีอัตราการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 53 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลงจากปี 2557 ซึ่งอยู่ในระดับเฉลี่ย 97 ดอลลาร์สหรัฐหรือลดลงถึง 45% และอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 3.79 บาท/หน่วย ลดลงจากเฉลี่ยปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 3.93 บาท/หน่วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน

กระทรวงพลังงานได้รายงานแผนการหยุดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติ ปี 2558 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของไทย โดยในช่วงครึ่งปีแรก ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติในสหภาพเมียนมาจะหยุดซ่อมบำรุง 2 ช่วงเวลาคือ 11 – 19 เมษายน และ 20 – 27 เมษายน ส่วนครึ่งปีหลัง แหล่งผลิตก๊าซฯ JDA พื้นที่พัฒนาร่วมไทย – มาเลเซีย ก็จะหยุดซ่อมบำรุงช่วงเดือนมิถุนายน และกันยายน ซึ่งกระทรวงพลังงานยืนยันว่า ได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้พร้อมแล้ว ทั้งการจัดซักซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานในวันที่ 18 มีนาคม 2558 การกำกับดูแลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมดำเนินการตามแผน โดยได้มีการขอความร่วมมือกับประเทศมาเลเซียให้มีการจัดส่งก๊าซฯ เพิ่ม และใช้น้ำมันเตามาผลิตไฟฟ้าแทน ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่ดีเพราะราคาน้ำมันเตาราคาถูกลง ขณะเดียวกันจะรณรงค์กับทุกภาคส่วนร่วมกันประหยัดพลังงานในช่วงเวลาดังกล่าว

สำหรับมติ กพช. ที่สำคัญ ที่ประชุมพิจารณาเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากขยะอุตสาหกรรมเพื่อให้การจัดการขยะเป็นไปอย่างครบวงจรและครอบคลุมขยะทุกประเภท เพราะก่อนหน้านี้ขยะชุมชนได้มีการส่งเสริมไปแล้ว โดยมีมติเห็นชอบให้รับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมในปริมาณ 50 เมกะวัตต์ โดยนับเป็นส่วนเพิ่มจากเป้าหมายตามกรอบแผน AEDP และกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าพิเศษจากขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนปี 2558 – 2562 โดยแนวทางส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมนั้นมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) รับไปพิจารณาให้ความเห็นชอบในรายละเอียด และตั้งอนุกรรมการเพื่อออกหลักเกณฑ์และคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการพร้อมรายงานความคืบหน้าต่อ กพช. เป็นระยะต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบตามหลักการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ที่ผลิตไฟฟ้าด้วยระบบผลิตพลังงานร่วม (Cogeneration) ประเภทสัญญา Firm ในกลุ่มที่รับซื้อไฟฟ้ารอบก่อนปี 2550 ซึ่งกำลังจะทยอยสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2560 – 2568 จำนวน 25 โครงการ ทั้งนี้ เพราะมีความจำเป็นสำหรับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำอย่างต่อเนื่อง และเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพรวมการลงทุนของประเทศ เป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในภาคอุตสาหกรรม แต่ทั้งนี้เพื่อให้เป็นภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าน้อยที่สุด ที่ประชุมจึงกำหนดให้เสนอขายไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในปริมาณที่จำเป็นโดยไม่เกิน 20% ของกำลังการผลิตติดตั้งเดิมและในราคาไม่เกินอัตราค่าไฟฟ้าในรูปแบบ IPP โดยที่ผ่านมามีการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP ระบบโคเจนเนอเรชันตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบันจำนวน 82 โครงการ คิดเป็นปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญารวม 6,901 เมกะวัตต์

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมฯ เห็นชอบแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย พ.ศ.2558 – 2579 เพื่อเป็นการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการพัฒนาด้านพลังงานในระยะต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากแผนฯนี้ คือช่วยยกระดับความสามารถของระบบไฟฟ้า เสริมระบบไฟฟ้าของให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพบริการต่อผู้ใช้ไฟฟ้า รวมทั้งช่วยยกระดับโครงสร้างระบบไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การเป็นสังคมพลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำ โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจะรับไปดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริด เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริด ร่วมกับ 3 การไฟฟ้า กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และเสนอ กบง. พิจารณาอนุมัติในรายละเอียดต่อไป

ทั้งนี้ กพช. ได้เห็นความสำคัญด้านการอนุรักษ์พลังงานจึงมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพลังงานประกาศเพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงอีก 3 รายการ คือ เตาอบไฟฟ้า กระทะไฟฟ้าก้นตื้น และตู้น้ำเย็น ตู้น้ำร้อน-น้ำเย็นสำหรับบริโภค โดยออกเป็นกฎกระทรวงกำหนดเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป นอกจากนั้น ยังได้อนุมัติกลไกการส่งเสริมโดยมอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาออกพระราชกฤษฎีกาลดหย่อนภาษีสำหรับเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน หรืออุปกรณ์เบอร์ 5

นอกจากนี้ กพช. ยังมีมติขยายกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตร จากเดิมภายในปี 2558 เป็นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2559 เนื่องจากมีข้อจำกัดเกี่ยวกับระเบียบของหน่วยราชการ เช่น การขอใช้ที่ราชพัสดุ และขั้นตอนการดำเนินการตามพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 รวมทั้งให้ขยายระยะเวลาในการออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ FiT- Bidding (ไม่รวมพลังงานแสงอาทิตย์) สำหรับปี 2558 จากเดิมให้แล้วเสร็จในวันที่30 มกราคม 2558 เป็นวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ