ไทยอิน-เดียจับคู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซลงตัว คาดเพิ่มมูลค่าซื้อขายสินค้ากว่า 22 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Monday March 2, 2015 13:54 —สำนักโฆษก

นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าผลจากการเดินทางไปส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 25 – 27 กุมภาพันธ์ 2558 ณ เมืองมุมไบ-กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยมีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์เป็นหัวหน้าคณะพร้อมผู้แทนภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ นอกจากการมีข้อเสนอแนะในการทำการค้าระหว่างไทยและอินเดียแล้ว ยังได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของสภาอุตสาหกรรมอินเดีย และมีการจับคู่ธุรกิจระหว่างสมาชิก Thaitrade.com ของไทยและ Tradeindia.com และของอินเดีย ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดให้ภาคเอกชนสองฝ่ายมีการจับคู่ธุรกิจการค้ากัน ซึ่งในครั้งนี้มีการจับคู่รวม 137 คู่ คาดว่าจะมีมูลการซื้อขายราว 22.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าในกลุ่มข้าว เทียนฝีมือ กาแฟ ผง ผสม ครีมเทียม บอลลูน กล่องเครื่องประดับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการค้าและสมาคมวิชาชีพเกี่ยวกับธุรกิจก่อสร้างไทย กับผู้นำเข้าอินเดียในสาขาวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ยางพารา อาหาร เป็นต้น

นางดวงกมล โฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมทางการตลาดในปี 58 นอกจากจะเข้าพบผู้นำเข้าผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ การจัดงานไทยส่งเสริมการขายแล้ว ยังมีการจัดงานแสดงสินค้าไทยแลนด์วีค รวมถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าไทยในอินเดีย คาดว่าจะทำให้การค้าขยายตัวมากขึ้น ทั้งนี้ไทยได้วางยุทธศาสตร์การขยายการค้าการลงทุนด้วยการ สร้างเสริมและพัฒนาการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจการค้าไทย - อินเดีย , การเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง และระดับสูง จำนวน 350 ล้านคนที่มีกำลังซื้อ โดยเน้นสินค้าไทยระดับคุณภาพปานกลาง – ดี และกลุ่มสินค้าที่มี Brand Awareness สูง, กระจายตลาดทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างจากส่วนกลางออกสู่ภูมิภาคต่างๆของอินเดีย และบุกตลาดเมืองรองที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูง เช่น กูวาฮาติ (รัฐอัสสัม)/ จันดิการ์ (รัฐปัญจาบ)/ วิสาขาปัตนัม (รัฐอันตรประเทศ)/อาห์เมดาบัด (รัฐคุชราต)/ ปูเน่ (รัฐมหาราชตะ)/ โคอิมปาตอง (รัฐทมิฬนาดู)

แนวโน้มเศรษฐกิจ อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 9 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากจีน ญี่ปุ่น มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 3 ของโลก มี GDP 60% มาจากภาคบริการ สาขาที่มีการขยายตัวและดึงดูดการลงทุนมากที่สุด คือ สารสนเทศและโทรคมนาคม การเงินและการธนาคาร การศึกษาวิจัย และการก่อสร้าง

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ