รัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการลงทุน

ข่าวทั่วไป Saturday May 2, 2015 10:20 —สำนักโฆษก

ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่ภาคเอกชนได้เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงก่อนหน้านี้ และผู้สื่อข่าวสอบถามนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าต้องดูภาพรวมระยะยาวและสถานการณ์โลกประกอบกันนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้งจากที่เคยมีมติไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี

ทั้งนี้ ผลดีต่อเศรษฐกิจไทยนั้น ดอกเบี้ยที่ลดลงจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินของภารธุรกิจและภาคครัวเรือนลดลง อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดต่ำลงจะถูกส่งผ่านไปยังต้นทุนการกู้ยืมเงินของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน จากการที่ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (MLR) ทำให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนมีเงินเหลือสำหรับการลงทุนหรือบริโภคเพิ่มเติม นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงก็จะดึงดูดให้ภาคธุรกิจเริ่มโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม เนื่องจากสามารถระดมทุนได้ในอัตราเบี้ยที่ถูกลงด้วย

ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลง ซึ่งถึงแม้ว่าจะดูเป็นผลเสียต่อผู้ฝากเงินที่จะได้รายได้ดอกเบี้ยน้อยลง แต่นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากเมื่อผลตอบแทนของเงินฝากลดต่ำลง ก็จะทำให้ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนนำเงินออมไปใช้จ่ายและลงทุนมากขึ้น อันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้น การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะมีผลทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงด้วย เนื่องจากทำให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนในตลาดการเงินไทยในภาพรวมลดต่ำลงเมื่อเทียบกับตลาดการเงินในประเทศอื่นๆ ที่ยังมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งจะทำให้เงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าประเทศน้อยลง และเมื่อเงินทุนไหลเข้าประเทศน้อยลงก็จะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงด้วย ซึ่งค่าเงินบาทที่อ่อนลงมีผลดีคือ ช่วยกระตุ้นการส่งออก เนื่องจากสินค้าชึ้นเดิมที่เราตั้งราคาเป็นบาทจะถูกลง เมื่อแปลงราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ (หรือสกุลเงินอื่นๆ) หรือหากตั้งราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ ผู้ส่งออกก็จะได้กำไรเป็นบาทมากขึ้น และมีเงินกลับเข้ามาหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ เช่น ตลาดอาเซียน ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เป็นต้น

สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ