ทำเนียบรัฐบาล-11 ก.ค.-บิสนิวส์
วันนี้ เมื่อเวลา 9.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ได้นำนายฮันซ์ ดับเบิลยู ไรซ์ (Hans W.Reich) กรรมการบริหารของสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน (KFW-Kreditanstalt fur Wiederaufbau) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนการให้สินเชื่อระยะยาวต่อประเทศไทยเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน หรือ KFW จะมีบทบาทอย่างสำคัญต่อการพัฒนาโครงการอุตสาหกรรมพื้นฐานของประเทศไทย และแสดงความยินดีที่สถาบัน KFW จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการให้สินเชื่อระยะยาวแก่บริษัทเอกชนของไทย ในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าพร้อมกล่าวว่า ในขณะนี้ แม้ประเทศไทยจะเผชิญกับภาวะทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่รัฐบาลไทยขอให้ความมั่นใจว่าจะดำเนินการทุกอย่าง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันการเงินของไทย
กรรมการบริหารของสถาบัน KFW กล่าวว่า สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน มีประสบการณ์ในการเข้าช่วยเหลือและฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของเยอรมันในช่วงภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และรวมถึงการให้สินเชื่อแก่วิสาหกิจขนาดเล็กและกลาง (Small and Medium Enterprises - SMEs) ของเยอรมันตะวันออกภายหลังการรวมประเทศเยอรมัน (Reunification) พร้อมกันนี้ ยังเห็นว่าภาวะทางเศรษฐกิจที่ไทยกำลังเผชิญอยู่นี้ เป็นเพียงการชะลอตัวในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการเติบโตสูงมาเป็นระยะเวลานานหลายปี โดยเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในไม่ช้านี้ ทั้งนี้ เนื่องจากในระยะยาวแล้วประเทศไทยยังมีศักยภาพสูง และโอกาสในการลงทุนในประเทศไทยยังคงแจ่มใส โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมพื้นฐาน และอุตสาหกรรมเหล็กกล้า เพราะความต้องการภายในประเทศในด้านเหล็ก เพื่อการสร้างและการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานยังมีอยู่อีกมาก
นอกจากนี้ กรรมการบริหารของสถาบัน KRW ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้สถาบันได้ให้สินเชื่อระยะยาวแก่บริษัทอุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมเหล็กล้าไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการช่วยเสริมสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในไทยต่อไปในอนาคตด้วย ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณสถาบันการเงิน KFW ที่ได้มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศไทย และกล่าวให้ความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ รวมถึงการดำเนินการมาตรการทางด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อการส่งเสริมการดำเนินงานของภาคธุรกิจเอกชน--จบ
วันนี้ เมื่อเวลา 9.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ได้นำนายฮันซ์ ดับเบิลยู ไรซ์ (Hans W.Reich) กรรมการบริหารของสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน (KFW-Kreditanstalt fur Wiederaufbau) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย จำกัด เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนการให้สินเชื่อระยะยาวต่อประเทศไทยเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน หรือ KFW จะมีบทบาทอย่างสำคัญต่อการพัฒนาโครงการอุตสาหกรรมพื้นฐานของประเทศไทย และแสดงความยินดีที่สถาบัน KFW จะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการให้สินเชื่อระยะยาวแก่บริษัทเอกชนของไทย ในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าพร้อมกล่าวว่า ในขณะนี้ แม้ประเทศไทยจะเผชิญกับภาวะทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่รัฐบาลไทยขอให้ความมั่นใจว่าจะดำเนินการทุกอย่าง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันการเงินของไทย
กรรมการบริหารของสถาบัน KFW กล่าวว่า สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน มีประสบการณ์ในการเข้าช่วยเหลือและฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของเยอรมันในช่วงภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และรวมถึงการให้สินเชื่อแก่วิสาหกิจขนาดเล็กและกลาง (Small and Medium Enterprises - SMEs) ของเยอรมันตะวันออกภายหลังการรวมประเทศเยอรมัน (Reunification) พร้อมกันนี้ ยังเห็นว่าภาวะทางเศรษฐกิจที่ไทยกำลังเผชิญอยู่นี้ เป็นเพียงการชะลอตัวในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการเติบโตสูงมาเป็นระยะเวลานานหลายปี โดยเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในไม่ช้านี้ ทั้งนี้ เนื่องจากในระยะยาวแล้วประเทศไทยยังมีศักยภาพสูง และโอกาสในการลงทุนในประเทศไทยยังคงแจ่มใส โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมพื้นฐาน และอุตสาหกรรมเหล็กกล้า เพราะความต้องการภายในประเทศในด้านเหล็ก เพื่อการสร้างและการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานยังมีอยู่อีกมาก
นอกจากนี้ กรรมการบริหารของสถาบัน KRW ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้สถาบันได้ให้สินเชื่อระยะยาวแก่บริษัทอุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมเหล็กล้าไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการช่วยเสริมสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในไทยต่อไปในอนาคตด้วย ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณสถาบันการเงิน KFW ที่ได้มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศไทย และกล่าวให้ความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ รวมถึงการดำเนินการมาตรการทางด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อการส่งเสริมการดำเนินงานของภาคธุรกิจเอกชน--จบ