นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือทุกฝ่ายร่วมคืนผืนป่า ย้ำให้ประชาชนต้องช่วยกันดูแลรักษาต้นไม้ในพื้นที่

ข่าวทั่วไป Wednesday June 10, 2015 16:12 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีเปิดงานวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2558 ณ บริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบมและป่าสียัด จ.ฉะเชิงเทรา ขอความร่วมมือทุกฝ่ายร่วมคืนผืนป่า เน้นปลูกป่าเศรษฐกิจ ย้ำให้ข้าราชการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการทำงาน-ให้ประชาชนต้องช่วยกันดูแลรักษาต้นไม้ในพื้นที่

วันนี้ (10 มิ.ย.58) เวลา 09.10 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2558 ตามแนวคิด “รวมพลังพลิกฟื้นผืนป่า ป่าไม้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” ณ บริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบม และป่าสียัด ท้องที่บ้านท่ามะนาว ตำบลคลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่จัดขึ้นเพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้ความสำคัญกับทรัพยากรป่าไม้และเสด็จทรงงานด้านการอนุรักษ์มาโดยตลอด โดยมีพลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงาน ซึ่งมี นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายภัทรพร เทียนชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายทรรศนะ วิชัยธนพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนภาคเอกชน และประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ

เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงบริเวณงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรี จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวแสดงเจตนารมณ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้ามามีบทบาทในการดูแลและร่วมกันฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวรายงานโดยสรุปว่า ป่าแควระบมและป่าสียัด ถือเป็นผืนป่าแห่งหนึ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีความห่วงใยเนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์จำนวนมาก ปัจจุบันมีมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดร่วมสนับสนุนการดูแลพื้นที่อย่างดี จนทำให้ผืนป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างดี สำหรับงานวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2558 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้บูรณาการจัดกิจกรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนในพื้นที่ โดยมีผู้แทนจากทุกภาคส่วนและประชาชนเข้าร่วมงานประมาณ 2,000 คน ซึ่งต้นไม้ทุกต้นที่ปลูกจะทำการลงทะเบียนบันทึกในสมุดต้นไม้ของฉันโดยผู้ปลูกเอง เพื่อเป็นที่ระลึกและใช้ติดตามการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่ปลูกต่อไป พร้อมกันนี้มีการจัดนิทรรศการการจัดทำแปลงสาธิตการปลูกป่าเชิงอนุรักษ์ระบบนิเวศซึ่งเป็นการปลูกต้นไม้หลายชนิด หลายชั้นเรือนยอด มีความหนาแน่น 3-5 ต้นต่อตารางเมตร จากการปลูกป่าแบบเดิม 1 ต้นต่อ 8 ตารางเมตร และมีการจัดแปลงสาธิตการปลูกป่าสร้างป่า สร้างรายได้ตามแนวพระราชดำริ โดยกิจกรรมหลักคือการปลูกต้นไม้ 160 ไร่ ใช้กล้าไม้ 32,000 กล้า จะสามารถเก็บกักคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4,000 ตัน หรือคิดเป็นการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์อันจะก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญได้ประมาณ 14,680 ตัน ซึ่งจะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาสภาวะโลกร้อนได้ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีผลต่อการป้องกันดิน ดูดซับน้ำให้แก่แหล่งน้ำ ช่วยให้เกิดความชุ่มชื้น เป็นเสมือนป่ากันชน เพื่อปกป้องผืนป่าสมบูรณ์ด้านในไว้ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าแล้วยังก่อให้เกิดผลผลิตจากป่าให้ชุมชนได้ใช้สอยต่อไป

นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังได้รณรงค์จัดกิจกรรมสัปดาห์วันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2558 ทั่วประเทศ โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้และศูนย์ป่าไม้จังหวัดทุกจังหวัด ระหว่าง 1-7 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการรวมพลังกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน ประชาชน และเครือข่ายการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เครือข่ายป่าชุมชนของกรมป่าไม้ ร่วมกันปลูกต้นไม้ภายใต้แนวคิด “รวมพลังพลิกฟื้นผืนป่า ป่าไม้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถปลูกป่าได้กว่า 1,700 ไร่ คิดเป็นต้นไม้ 340,000 ต้น ทั้งนี้ ในส่วนพื้นที่ป่าไม้ที่ได้ปลูกแล้วนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดนโยบายให้ปรับรูปแบบของการฟื้นฟูป่าไม้ที่เสื่อมโทรมใหม่ โดยให้ชุมชนใกล้เคียงบูรณาการร่วมกับทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมป้องกันดูแลรักษาป่าไม้ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยกรมป่าไม้จะให้การสนับสนุนการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องต่อไป

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมอบกล้าไม้ประจำจังหวัดให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มอบกล้าไม้ให้แก่ชุมชนที่มีส่วนร่วมดูแลบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบม และป่าสียัด ท้องที่บ้านท่ามะนาว รวม 5 ชุมชน มอบเรือนเพาะชำกล้าไม้ชุมชนให้แก่ชุมชนบ้านห้วยตะปอก มอบอุปกรณ์กีฬาสนับสนุนโรงเรียนในท้องที่ 5 โรงเรียน พร้อมกล่าวเปิดพิธีจัดกิจกรรมวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2558 สรุปสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันปลูกคืนผืนป่าที่หายไปกว่า 26 ล้านไร่ในตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ให้ได้ตามเป้าหมายร้อยละ 40 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตั้งไว้ โดยเน้นการปลูกป่าเศรษฐกิจ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ ควบคู่กับการปลูกป่าชุมชน ขณะที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนให้ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาที่มีอยู่ ทำให้บ้านเมืองเป็นไปตามวิสัยทัศน์ 2015-2020 ให้บ้านเมืองมีแนวโน้มในทางที่ดี โดยจะไม่นำการเมืองมาเกี่ยวข้องในการทำงาน ใช้ความจริงใจแก้ปัญหาในการทำงานให้ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติมั่นคง สังคมสงบ เกิดความมั่งคั่งอย่างยืน ทำให้ประชาชนมีรายได้พอเพียง มีเกียรติศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมด้วยกฎหมาย และสร้างประชาชนให้เข้มแข็ง

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ข้าราชการต้องเข้าใจคำว่า “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” โดยต้องมีความเข้าใจว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ข้าราชการจึงต้องมีการปรับเปลี่ยน หาแนวทางปรับปรุงปฏิรูป เข้าให้ถึงใจของคนในพื้นที่ สิ่งใดที่คนไม่เข้าใจจะต้องหาวิธีอธิบายและหาวิธีการปฏิบัติงานในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่าไปทำโครงการที่ทำแล้วหายไป ต้องมีการปลูกป่าในใจคน ทุกคนต้องมีหัวใจให้ประเทศชาติ จากนี้ไปจะต้องตอบให้ได้ว่าต้นไม้ที่ปลูกวันนี้โตขึ้นกี่ต้น ใครเป็นผู้ดูแล ทำอย่างไรให้ประชาชนมีส่วนร่วม และในอนาคตจะใช้ประโยชน์จากป่าได้อย่างไร โดยจะต้องนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการทำงานด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เชิญให้มาเป็นประธานในการปลูกไม้วันนี้ โดยก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะทำงานครบตามสัญญา จะตรวจสอบต้นไม้ที่ปลูกว่ามีอยู่กี่ต้น มีใครเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับภาคเอกชนด้านการเกษตรแล้ว ซึ่งภาคเอกชนก็มีความยินดีให้ความร่วมมือ โดยในส่วนของการแก้ปัญหาการเพาะปลูกในพื้นที่บุกรุก การปลูกเกินความต้องการ ปัญหาไร่ข้าวโพด และการเผาที่ใช้สารเคมี เหล่านี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน นอกจากนี้ รัฐบาลดูแลเรื่องสินค้าทางการเกษตรให้มีการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรมากขึ้น ทั้งยางพารา ข้าว ส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคม ทำให้สหกรณ์เข้มแข็ง เพื่อให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งจะขับเคลื่อนให้งานหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งการลงทุนภาคการเกษตร การแปรรูปสหกรณ์ การทำธุรกิจเพื่อสังคม เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 6 แห่งให้เป็นรูปธรรม

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้อีก 40 เปอร์เซ็นต์ต้องสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนก่อนว่าพื้นที่ถูกบุกรุกมีเท่าไร จะหยุดการบุกรุกได้หรือไม่ ให้ประชาชนเข้าใจแนวทางการทำป่าเศรษฐกิจ ป่าชุมชน ที่เชื่อมต่อกับป่าอนุรักษ์ ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนได้ร่วมมือกันทำป่าเศรษฐกิจพร้อมกับป่าชุมชนตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทุกคนสามารถนำไม้ไปใช้ได้ รวมทั้งให้มีการปรับรูปแบบการปลูกต้นไม้รูปแบบใหม่ ไม่ให้ปลูกแล้วต้นไม้ตาย โดยประชาชนในท้องที่ต้องช่วยกันดูแลต้นไม้ ให้ข้าราชการลดการปฏิบัติหน้าที่ลงเพื่อให้งบประมาณกลับไปสู่ประชาชน และรัฐบาลจะพยายามทำทุกอย่าง จะดูมาตรการการขอคืนพื้นที่จากทั้งนายทุนและคนยากจน ซึ่งทั้งหมดจะต้องกลับเข้าสู่กระบวนการ โดยไม่ขัดแย้งกับกฎหมายหลักการทั้งหมดที่มีอยู่ และวันนี้จะต้องรักษาพื้นที่ป่าสมบูรณ์ที่มีเหลืออยู่ 102 ล้านไร่ รวมทั้งหาทางเพิ่มพื้นที่ป่าที่เกี่ยวเนื่อง กำหนดพื้นที่ปลูกป่าให้ตรงกับความต้องการ ให้มีการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้งแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำทั้งปัญหาน้ำแล้งซ้ำซากและอุทกภัยด้วย

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการตามแนวทางพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือการให้เบ็ดไปตกปลา โดยให้ความรู้ ให้แนวคิด วิสัยทัศน์ให้กับคนไทยให้คิดยาวสามารถกำหนดอนาคตให้กับตนเองได้ และการปลูกป่าต่อไปนี้จะต้องปลูกให้ไม้ต้นเล็กไปอยู่ใกล้ไม้ต้นใหญ่ ให้ต้นไม้ดูแลกันเหมือนพี่จูงน้อง พ่อจูงลูก เพราะต้นไม้ก็มีชีวิตจิตใจ พร้อมย้ำว่าประชาชนต้องช่วยกันดูแลรักษาต้นไม้ในพื้นที่ ไม่ตัดต้นไม้ เพื่อให้ต้นไม้โตขึ้นเป็นร่มเงา ประเทศไทยต้องเป็นบ้านที่มีต้นไม้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมโครงการรวมพลังพลิกฟื้นผืนป่าที่จะทำให้เกิดต้นไม้เพิ่มขึ้น เพราะจะมีส่วนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวขึ้นในพื้นที่ พร้อมย้ำว่าคนไทยทุกคนต้องรวมพลังพลิกฟื้นผืนป่า รักษาป่า ปลูกป่าแนวใหม่ โดยขอให้มีหลักการปลูกป่าว่าอย่าปลูกเพื่อให้ได้เงิน อย่าปลูกเพื่อไปตัด และอย่าปลูกให้ตายมากกว่าโต

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ