รัฐบาลเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1436

ข่าวทั่วไป Monday July 6, 2015 13:53 —สำนักโฆษก

ค่ำวันนี้ (6 ก.ค.58) เวลา 19.15 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ในนามรัฐบาลได้เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1436 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับประชาชนชาวไทยมุสลิมที่ได้มีโอกาสปฏิบัติศาสนกิจ โดยพร้อมเพรียงกัน อันเป็นเดือนแห่งการสร้างกุศลและคุณงามความดีด้วยจิตใจที่เปี่ยมศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยมีคณะรัฐมนตรี นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ผู้แทนเอกอัครราชทูตมุสลิมประจำประเทศไทย คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และประชาชนชาวมุสลิม มาร่วมงานละศีลอด และร่วมละหมาดมักริบ

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงบริเวณงาน ได้มีการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในนามรัฐบาลว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1436 ในวันนี้ รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติศาสนกิจของทุกศาสนา เพราะศาสนามีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนพัฒนาจิตใจเพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในสังคมไทยอย่างยั่งยืน รัฐบาลจึงขอมีส่วนร่วมในการปฏิบัติศาสนกิจการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน โดยจัดงานเลี้ยงละศีลอดขึ้นในวันนี้

การปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอนมีความสำคัญยิ่งต่อชาวมุสลิม และเป็นช่วงเวลาที่ดีในการศึกษาพระคัมภีร์อัลกุรอานที่พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานลงมาถือเป็นความประเสริฐที่ยิ่งใหญ่สำหรับชาวมุสลิมทุกคนที่จะได้แสดงความเคารพศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นอย่างอดทน อดกลั้นต่อความหิวกระหาย และละเว้นการประพฤติมิชอบทั้งปวง มีความเมตตา เห็นอกเห็นใจเพื่อมนุษย์ ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ซึ่งสิ่งดังกล่าวเป็นพื้นฐานสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของคนในสังคมและโลกใบนี้

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่ได้มีโอกาสได้พบปะหารือกับจุฬาราชมนตรีและบรรดาผู้นำศาสนาอิสลามในหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน โดยเฉพาะการที่จะทำอย่างไรให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งชาวไทยมุสลิม พุทธ ตลอดจนผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยสันติมาเป็นเวลายาวนาน ภายใต้สถานการณ์โลกที่ยังมีความขัดแย้งสูง ขณะที่ภัยธรรมชาติก็มีมากขึ้นตามลำดับ เพราะฉะนั้นวันนี้ทุกคนต้องช่วยกันทำให้โลกใบนี้สงบสุขและเย็นลงด้วยศาสนาในการที่จะกล่อมเกลาจิตใจของคนให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งว่า สิ่งใดที่ได้เกิดขึ้นและผ่านมาแล้วเราแก้ไขไม่ได้ ให้เพียงแต่จดจำไว้ 2 อย่าง คือ อย่างที่ดีเราก็ให้เป็นความทรงจำและความภาคภูมิใจ ส่วนสิ่งใดที่ไม่ดีก็จดจำไว้เพื่อจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยวันนี้พวกเราทุกคนจะอยู่ร่วมกันเพื่อวันนี้และอนาคต และสร้างประวัติศาสตร์ในอนาคตด้วยมือของพวกเราในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จะต้องทำให้บ้านเมืองปลอดภัยเตรียมการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งประเทศไทยมีโอกาสมากในการที่จะพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งทั้งด้านเศรษฐกิจสังคม และด้านอื่น ๆ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลชุดนี้มีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาในอดีตให้ได้ วันนี้ด้วยความร่วมมือของทุกคน รัฐบาลจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ให้การขับเคลื่อนต่าง ๆ เป็นไปด้วยความราบรื่นโดยใช้ระยะเวลาที่มีอยู่ขณะนี้ทำให้ทุกอย่างก้าวหน้าโดยไม่ให้ถอยหลังกลับไปที่เดิม เพราะไม่มีเวลาที่จะถอยหลังหรือหยุดอีกแล้ว แต่ต้องแก้ไขปัญหาไปพร้อมกับการเดินหน้าในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินให้มีความโปร่งใส ไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นมาอีกเหมือนเช่นในอดีต ทั้งนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐจะทำหน้าที่ดูแลประชาชนทุกคนในประเทศไทยด้วยความเท่าเทียม โปร่งใส และเป็นธรรม โดยเราต้องสร้างสังคมที่มีคุณธรรม เพื่อจะเป็นองค์กรหรือหน่วยงานที่มีจริยธรรม อันจะทำให้ความขัดแย้งในโลกใบนี้ลดลง โดยเราจะไม่สร้างความขัดแย้งให้ยาวนานออกไปอีก เพราะปัจจุบันก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหาของโลก ทั้งเรื่องของอากาศเปลี่ยนแปลง ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และความไม่เป็นธรรม ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้โลกยังไม่สงบสุขทั้งสิ้น ดังนั้นวันนี้หากทุกคนหันหน้ามาพูดคุยกัน ร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคหรือข้อติดขัดต่าง ๆ ก็จะสามารถหาทางออกและเดินหน้าได้โดยเร็วตามแนวทางที่กำหนดไว้

ในโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอพรอันประเสริฐจากพระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานความผาสุกแด่ประชาชนชาวไทยมุสลิมทุกคน และความเจริญก้าวหน้าในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน พร้อมทั้งขอให้ทุกคนมีความรัก ความสามัคคี ความเมตตาต่อกัน ตลอดจนมีความมั่นคงในวิถีอิสลามและประสบความสำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ

จากนั้น ผู้แทนเอกอัครราชทูตมุลสลิมประจำประเทศไทย ได้กล่าวแสดงความยินดี โดยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี กล่าวขอบคุณและขอพร (ดุอา) ก่อนรับประทานอาหารร่วมกัน

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ