พาณิชย์ประชุมหามาตรการช่วยอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

ข่าวทั่วไป Monday July 6, 2015 15:49 —สำนักโฆษก

กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพจัดประชุมกับผู้แทนภาครัฐและเอกชนกว่า 40 แห่ง หารือแนวทาง การพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2558 โดยมีพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมว่าครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยทุกฝ่ายมีความร่วมมือแก้ไขปัญหาของอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม บนพื้นฐานของการยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็ก มีความเชื่อมโยงในหลายมิติและเป็นปัญหาสะสมต่อเนื่องมากว่า 30 ปี อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรมจะร่วมเป็นแกนหลักในการให้ความช่วยเหลือและเพิ่มศักยภาพในการผลิตและการแข่งขันให้กับภาคเอกชนในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กทั้งสายอุปทาน ให้ดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็ง รองรับกับสถานการณ์การแข่งขันทางการค้าที่รุนแรง ดังนั้น เพื่อตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของภาคเอกชน ที่ประชุมจึงมีมติร่วมกันกำหนกมาตรการให้ความช่วยเหลือ ใน 6 มาตรการ ดังนี้

(1) นับตั้งแต่ 1 มิ.ย. 58 เป็นต้นไป กรมการค้าภายในได้กำหนดให้เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กกล้าแผ่นไร้สนิมรีดร้อน และเหล็กแผ่นรีดเย็น เป็นสินค้าอ่อนไหว (Sensitive List: SL) ซึ่งมีการติดตามราคาและสถานการณ์ทางการค้าอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวัน

(2) กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเดินหน้าเจรจากับรัฐบาลจีน เพื่อให้ลดการอุดหนุนการผลิตและการส่งออกเหล็กและผลิตภัณฑ์มายังประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ จีนได้ยกเลิกมาตรการคืนภาษีส่งออกสำหรับสินค้าเหล็กเจือโบรอนบางรายการแล้ว (คิดเป็นร้อยละ 50 ของรายการสินค้าทั้งหมดที่ส่งออกมายังตลาดอาเซียน)

(3) กรมศุลกากรได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าสินค้าเหล็ก ณ ขณะนำเข้า โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานกำกับดูแลการนำเข้าสินค้าเหล็กที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ในขณะเดียวกัน ก็ได้เพิ่มบทลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดฐานหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า

(4) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเดินหน้าประชาสัมพันธ์แผนการกำหนดหรือทบทวนมาตรฐานของสินค้าเหล็กและผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าในปัจจุบัน โดยยินดีจะรับฟังและพิจารณาข้อมูล/ข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

(5) กระทรวงอุตสาหกรรมจะจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทยและคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ และเร่งศึกษาและพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานเหล็กต้นน้ำ (โรงงานถลุงเหล็ก) ในไทยหรือในประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะเดียวกัน ก็จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเหล็กและผลิตภัณฑ์ของไทย อาทิ ผลักดันให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ตั้งฐานการผลิตในไทยยินยอมให้ความร่วมมือทดสอบคุณภาพสินค้าเหล็กของไทย

(6) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจะร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดแนวทางและจัดทำแผนงานเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งโรงงานเหล็กต้นน้ำให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กทั้งระบบจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กยังคงมีความขัดแย้ง และเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นสำคัญ โดยเพิกเฉยต่อความถูกต้องในการดำเนินธุรกิจและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้น เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล็กของไทย ยังคงเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานที่เข้มแข็งต่อยอดให้กับอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนเปิดใจรับฟังข้อมูล/ข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และหันหน้าพูดคุยกัน เพื่อหาทางออกของปัญหาที่ทุกภาคส่วนสามารถยอมรับได้ และกำหนดเป็นแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะยังคงเดินหน้าเป็นคนกลางในการขับเคลื่อนความร่วมมือหน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจ และภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหภาคของประเทศต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ