ความสำเร็จการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเวียดนามและการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการไทย – เวียดนาม ครั้งที่ 3

ข่าวทั่วไป Thursday July 23, 2015 16:49 —สำนักโฆษก

วันนี้ (23 กรกฎาคม 2558) ) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายเหวียน เติ๊น สุง (Nguyen Tan Dung) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Prime Minister of the Socialist Republic of Vietnam) แถลงข่าวร่วม (Joint Press Communique) ความสำเร็จการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเวียดนามและการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการไทย – เวียดนาม ครั้งที่ 3 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามที่ราบรื่นและมีความใกล้ชิด มีการติดต่อ ในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ ครอบคลุมทุกสาขาความร่วมมือ และพัฒนาจนกลายเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ในปัจจุบัน โดยเวียดนามเป็นประเทศเดียวในอาเซียน ที่ไทยมีความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้วย และไทยเป็นประเทศเดียวที่เวียดนามมีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมด้วย

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในอาเซียน ขณะที่ไทยเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในอาเซียน โดยในปี 2557 มีอัตราการขยายตัวทางการค้าร้อยละ 13 นอกจากนี้ ซึ่งในปีนั้น ไทยลงทุน ในเวียดนามเป็นอันดับที่ 10 ของการลงทุนจากต่างประเทศ โดยไทยกำลังผลักดันการลงทุนโครงการลงทุน ขนาดใหญ่หลายโครงการในเวียดนาม และหากสำเร็จจะทำให้ไทยเป็นประเทศผู้ลงทุนลำดับต้น ๆ ของเวียดนามในอนาคต ส่วนนักท่องเที่ยวไทยไปเวียดนามจัดอยู่ในอันดับที่ 9 ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และอันดับ 4 ของกลุ่มประเทศอาเซียน

ในปีหน้า การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – เวียดนาม จะครบรอบ 40 ปี การเยือนครั้งนี้จึงถือเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยาวนานของทั้งสองประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนาม เห็นพ้องให้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองโอกาสดังกล่าวตลอดทั้งปี 2559

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการประชุม ได้มีการหารือในหลายประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าและการลงทุน ซึ่งเห็นพ้องกันที่จะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนไทย ซึ่งรวมทั้งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ลงทุนในเวียดนาม ในสาขาต่างๆ เช่น การผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอ พลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค การเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูป ท่องเที่ยว

นายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนามยังได้หารือเกี่ยวกับการเพิ่มการส่งออกผลไม้ไทยไปยังเวียดนาม และไทยได้เชิญเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกสภาความร่วมมือด้านยางพาราระหว่างประเทศ ซึ่งไทย อินโดนีเซียและมาเลเซียเป็นสมาชิกแล้ว เพื่อร่วมมือรักษาเสถียรภาพราคายางพาราในตลาดโลกด้วย

ภายหลังการหารือนายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนามได้เป็นประธานร่วมในการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการไทย – เวียดนาม ครั้งที่ 3 ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม ที่ประชุมได้เห็นพ้องให้ผลักดันความร่วมมือร่วมกันในทุกมิติ

ด้านการเมือง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ กำหนดให้จัดตั้งกลไกเพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และยกระดับความร่วมมือในการปราบปรามและป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติและการค้ามนุษย์

ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มเป้าหมายมูลค่าการค้าระหว่างกันจาก 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2563 โดยเร่งขจัดอุปสรรคทางการค้า ส่งเสริมการใช้เงินสกุลบาทและเงินด่องในการประกอบธุรกรรมทางการเงิน จัดตั้งกลไกหารืออย่างไม่เป็นทางการเรื่องการคุ้มครองและส่งเสริมการลงทุน และส่งเสริมการเปิดสาขาของธนาคารพาณิชย์ ระหว่างกัน

ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงความร่วมมือด้านการเกษตร ได้แก่ การควบคุมความปลอดภัยและคุณภาพผลิตผลทางการประมง และการพัฒนามาตรฐานและคุณภาพผลไม้ รวมทั้งเห็นพ้องที่จะเร่งรัดการพัฒนาความเชื่อมโยงทั้งทางบก ทะเล และอากาศ เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยให้มีการเร่งรัดการเปิดการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยกับเวียดนาม พัฒนาการเดินเรือชายฝั่งระหว่างภาคตะวันออกของไทย กัมพูชาและตอนใต้ของเวียดนาม และเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินและเที่ยวบินตรงระหว่างจุดหมายปลายทางใหม่ของสองประเทศต่อไป

ด้านสังคมและวัฒนธรรม ไทยขอบคุณเวียดนามสำหรับการสนับสนุนไทยในการขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทและกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นแหล่งมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งต่อไปในปี 2559 ที่ประเทศตุรกี และไทยพร้อมที่จะสนับสนุนเวียดนามในการสมัครตำแหน่งกรรมการผู้บริหารขององค์กรยูเนสโก สำหรับปี 2558-2562

นอกจากนั้น สองฝ่ายต่างสนับสนุนการเปิดภาควิชาการเรียนการสอนภาษาของกันและกันรวมทั้งการจัดตั้งศูนย์ไทยศึกษาในเวียดนามและศูนย์เวียดนามศึกษาในไทยอีกด้วย นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนาม ยังพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานของสมาคมมิตรภาพของทั้งสองประเทศที่เป็นกลไกขับเคลื่อนความร่วมมือให้ก้าวหน้าและเชื่อมสายสัมพันธ์และมิตรภาพของประชาชนทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนาม ยังร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลง 5 ฉบับ ซึ่งเป็นรูปธรรมที่สำคัญของการเยือนของนายกรัฐมนตรีเวียดนามครั้งนี้ ได้แก่ 1. ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย – เวียดนาม ครั้งที่ 3 2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการและการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน 3. บันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน เพื่อส่งเสริมให้ชาวเวียดนามเข้ามาทำงานในไทยตามช่องทางที่ถูกต้องทางกฎหมาย และให้ได้รับสิทธิการดูแลคุ้มครองภายใต้กฎหมายของไทย 4.บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับจังหวัดคอนตูม เวียดนาม และ 5. บันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรระหว่างจังหวัดตราดกับจังหวัดลองอาน เวียดนาม

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ