นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนเฝ้าระวังการก่อเหตุร้าย อย่าตื่นตระหนก พร้อมเร่งติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด

ข่าวทั่วไป Tuesday August 18, 2015 09:45 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนเฝ้าระวังการก่อเหตุร้าย อย่าตื่นตระหนก พร้อมเร่งติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด

วันนี้ (18 สิงหาคม 2558) เวลา 09.00 น. ณ บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้ที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกรณีเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานครเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งสารน์แสดงความเสียใจถึงนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี กรณีมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในครั้งนี้กับประเทศต่าง ๆ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งรัดและติดตามหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด และจะให้การดูแลชาวต่างประเทศทุกประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยรวมทั้งสถานทูตต่าง ๆ ในประเทศไทยให้เกิดความปลอดภัย ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง รวมถึงทหารและตำรวจลงไปในพื้นที่เพื่อความปลอดภัย พร้อมกับขอความร่วมมือสื่อมวลชนว่าจำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมในการทำงานใหม่ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้น เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปิดกั้นพื้นที่ในรัศมีบริเวณโดยรอบประมาณ 200 เมตร เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ การนำเสนอข่าวขอให้สื่อมวลชนเสนอข่าวเฉพาะข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น อะไรที่เป็นเรื่องของการสืบสวน สอบสวนขอให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าไปนำเสนอข่าวให้น้ำหนักถึงสาเหตุจนกว่าจะมีการพิสูจน์หลักฐาน และได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลยังไม่สรุปว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด แต่ผู้กระทำต้องเป็นคนไม่ดี ไม่เห็นถึงชีวิตของคนที่บริสุทธิ์ซึ่งได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ และไม่ว่าจะทำด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ทั้งนี้ การสืบสวนหาผู้กระทำผิดต้องดูจากกล้องวงจรปิดรอบ ๆ บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมขอความร่วมมือประชาชน และนักท่องเที่ยวที่มีเบาะแสขอให้มายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติมในการติดตามหาตัวคนร้าย ซึ่งต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานตรวจสอบหลักฐานก่อน

สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่าการกระทำดังกล่าวมาจากสาเหตุของความขัดแย้งทางการเมือง และการก่อการร้ายระหว่างประเทศนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ต้องการให้แสดงความเห็นว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง เพราะจะทำให้การสืบสวนผิดประเด็น และถ้าไม่ใช่ทั้งสองสาเหตุดังกล่าวข้างต้นจะทำให้เกิดการตื่นตระหนก ขอให้ถือว่าการเกิดเหตุครั้งนี้เป็นบทเรียนที่จะต้องหาวิธีแนวทางใหม่ ไม่ต้องการให้ใช้การประโคมข่าว และใช้โซเชียลมีเดียสร้างการรับรู้ที่ไม่ชัดเจน เพราะจะส่งผลเสียต่อด้านเศรษฐกิจ และด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะตรงตามความต้องการของกลุ่มที่สร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความสูญเสียขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้ จากการติดตามของหน่วยข่าวกรองยังไม่พบความเคลื่อนไหวของการเมืองที่แสดงไปในทิศทางก่อการร้าย แต่มีความเคลื่อนไหวบ้างทางโซเชียลมีเดีย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การก่อเหตุครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่รุนแรงเพื่อมุ่งหวังต่อชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพื่อสร้างผลกระทบต่อสังคม จึงขอความร่วมมือสื่อมวลชน ประชาชนทุกคน และโซเชียลมีเดียทุกช่องทางให้เพิ่มความระมัดระวังในการเสนอข่าว และให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มความระมัดระวังในจุดเสี่ยงมากขึ้น รวมไปถึงสถานทูตและสถานที่สำคัญต่าง ๆ ขอให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาซ้ำอีก แต่ขออย่าให้ตื่นตระหนก ต้องสร้างความร่วมมือ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงความพร้อมของเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อช่วยในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ