นบข.เห็นชอบจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกให้กระทรวงยุติธรรมสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง

ข่าวทั่วไป Wednesday September 9, 2015 13:43 —สำนักโฆษก

วันนี้ (9ก.ย.58) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 5/2558 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการประชาสัมพันธ์ชี้แจ้งเกี่ยวกับการบริหารจัดการข้าวให้ประชาชนและสังคมเกิดความเข้าใจพร้อมขอให้สนับสนุนส่งเสริมการปลูกข้าวคุณภาพดีเพิ่มขึ้นในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม เพื่อเพิ่มมูลค่าและสามารถแข่งขันในต่างประเทศได้ ขณะที่พื้นที่ไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูกข้าวก็ให้ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยและสอดคล้องกับพื้นที่ เพื่อให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ประชุม นบข. ได้รับทราบเกี่ยวกับเรื่องการจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงตามโครงการเพื่อชุมชน ซึ่งสหกรณ์ชุมชน/วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพและเข้มแข็ง ได้จัดจำหน่ายให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้สหกรณ์ในการนำรายได้ที่ได้จากการจำหน่ายเพื่อช่วยเหลือชุมชน ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นผู้คัดเลือกสหกรณ์ที่เข้มแข็งและมีศักยภาพเข้าร่วมโครงการจำนวน 124 แห่ง ในพื้นที่ 58 จังหวัด ซึ่งได้จ่ายข้าวไปตามสหกรณ์เหล่านั้นประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยเป็นข้าวสารบรรจุถุงขนาด 2 กิโลกรัม จำนวน 300,000 ถุง แยกเป็น ข้าวขาว 5% จำนวน 500 ตัน หรือ 250,000 ถุง และข้าวสารเหนียว 10% จำนวน 100 ตัน หรือ 50,000 ถุง และคาดว่าจะสามารถดำเนินการจำหน่ายได้ทั้งหมดตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้มีข้อสังเกตว่านอกจากการจำหน่ายผ่านสหกรณ์แล้วควรจะมีการขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เพื่อประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึงมากขึ้น โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาแนวทางการขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่มและให้แจ้งกระทรวงพาณิชย์เพื่อจะได้ดำเนินการส่งข้าวไปให้ต่อไป

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องการจำหน่ายข้าวสารกรณีข้าวบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยของ อ.ต.ก. ซึ่ง อ.ต.ก.ได้จัดจ้าง บจก.โกลเด้นเกรน เอ็นเตอร์ไพรส์ ปรับปรุงคุณภาพข้าวขาว 5% และบรรจุถุง 4 กิโลกรัม เพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบสาธาณภัยและในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เนื่องจากข้าวยังเหลืออยู่ 6,305 ตัน นั้น ที่ประชุมฯ จึงมีมติเห็นชอบมอบหมาย อ.ต.ก. สั่งให้บริษัทดังกล่าวดำเนินการปรับปรุงคุณภาพข้าวขาว 5% และบรรจุถุงให้แล้วเสร็จ ส่วนข้าวขาว 5% โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 54/55 จำนวน 15,070 ตัน ที่ อ.ต.ก.ยังไม่ได้ส่งมอบให้บริษัทผู้รับปรับปรุงฯ ให้โอนคืนเพื่อนำไปจำหน่ายโดยวิธีการประมูลตามระบบปกติต่อไป

รวมทั้งที่ประชุมได้มีการพิจารณาการสนับสนุนในการจัดซื้อข้าวสารสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 โดยที่ประชุมเห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกให้กระทรวงยุติธรรม ดังนี้ ข้าวขาว 5% ปริมาณ 36,000 ตัน ราคาตันละ 11,450 บาท ข้าวเหนียว 10% ปริมาณ 13,000 ตัน ราคาตันละ 22,950 บาท ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งและควบคุมดูแลให้นำข้าวที่ได้รับมอบไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

พร้อมทั้ง ที่ประชุมเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก คือ คณะอนุกรรมการพิจารณาชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่าง ๆ ในการดำเนินการตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกของรัฐบาล ปีการผลิต 2557/58 ปีการผลิต 2558/59 และปีถัดๆไป และจัดสรรปริมาณข้าวที่รับซื้อ พิจารณาและอนุมัติวงเงินที่จะชดเชยให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกปีการผลิต 2557/58 ปีการผลิต 2558/59 และปีถัด ๆ ไป ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

ทั้งนี้ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปี 2558/59 รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ที่ผู้ประกอบการค้าข้าวเป็นลูกค้าอยู่ ตามมูลค่าข้าวเปลือกที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯเก็บสต็อกไว้ ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บสต็อกไว้ 60 – 180 วัน นับแต่วันที่รับซื้อ โดยใช้แนวทางเดียวกับโครงการฯ นาปรังปี 2558

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ