พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดมาตรการจัดระเบียบการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและ การสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำแนวลำคลองและทางระบายน้ำ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ๑๐ ปี (พ.ศ.๒๕๕๙–๒๕๖๘ ) โดยมีแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง เพื่อให้ชุมชนริมคูคลอง มีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ที่ดีขึ้น พร้อมทั้งมีแผนในการเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำในคูคลองเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังในเขตกรุงเทพฯ โดยการสร้างเขื่อนคอนกรีตเพื่อระบายน้ำ ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องรื้อย้ายชุมชน ที่รุกล้ำแนวลำคลองออกมา โดยรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน ) (พอช.) ได้รับมอบหมายให้จัดทำแผนงานรองรับด้านที่อยู่อาศัย ของประชาชน พร้อมทั้งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดและหามาตรการในการจัดระเบียบการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดอย่างมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้จัดตั้ง "ศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง” เพื่อเป็นศูนย์บัญชาการในการขับเคลื่อนงานการบูรณาการ กำกับดูแล ติดตาม การขับเคลื่อนนโยบายและประสานความร่วมมือหลายหน่วยงานในการปฏิบัติการร่วมในระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว คล่องตัว สามารถคลี่คลายปัญหาในระดับพื้นที่ได้ทันต่อสถานการณ์ เร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย ของแผนงาน ซึ่งจะทำให้การจัดระเบียบและสร้างที่อยู่อาศัยของประชาชนริมคูคลองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ พอช. ยังได้จัดทำแผนปฎิบัติการในพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง เพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหารุกล้ำ คูคลอง ซึ่งอยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ๑๐ ปี (พ.ศ.๒๕๕๙-๒๕๖๘) โดยมีระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ๓ ปี (ปี พ.ศ.๒๕๕๙–๒๕๖๑) จำนวน ๑๑,๐๐๔ ครัวเรือน โดยในปี ๒๕๕๙ มีพื้นที่เป้าหมาย ในการดำเนินงาน ๒ พื้นที่สายคลอง คือ คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร ๒๖ ชุมชน ๓,๘๑๐ ครัวเรือน ๒๒,๔๖๐ คน ครอบคลุม ๕ เขต คือ เขตจตุจักร เขตหลักสี่ เขตดอนเมือง เขตสายไหม และเขตห้วยขวาง สำหรับชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ ๕๔ ที่ได้ลงพื้นที่สำรวจในวันนี้ จัดอยู่ในแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปี ๒๕๕๙ และถือเป็นชุมชนนำร่องในการจัดทำโครงการฯ ในเขตสายไหม ซึ่งชุมชนดังกล่าว อยู่อาศัยมาไม่ต่ำกว่า ๘๐ ปี ปัจจุบันมีบ้านเรือนจำนวน ๖๕ ครัวเรือน ประชากรรวม ๒๗๙ คน มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ ๓.๙ ไร่ เป็นที่ดินราชพัสดุ โดยกรมธนารักษ์ดูแล โดยชุมชนได้เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง และมีการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ขึ้นมาในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘
"ทั้งนี้ การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้รับทราบถึงแนวทางการดำเนินงานในการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง เพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหารุกล้ำ คูคลอง และขอทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนตามแผนงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th