นายกรัฐมนตรีปาฐกถาพิเศษ"อาชีวะ ฝีมือชน คนสร้างชาติ" ในงานอาชีวศึกษาทวิภาคีไทย ย้ำให้ผลิตกำลังคนให้สอดคล้องตรงกับความต้องการของประเทศและต่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Friday January 29, 2016 14:02 —สำนักโฆษก

วันนี้ (29 ม.ค.59) เวลา 09.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานอาชีวศึกษาทวิภาคีไทยและปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "อาชีวะ ฝีมือชน คนสร้างชาติ" จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนในการจัดการอาชีวศึกษาทวิภาคีของประเทศไทยให้ได้รับการพัฒนาและก้าวเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย และสถานประกอบการ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความสำเร็จของการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีและตอบโจทย์การมีงานทำทันทีหลังเรียนจบ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนในระบบนี้มีเงิน มีงาน มีวุฒิ มีอนาคต และมีวินัยในตนเอง รวมทั้งผู้ประกอบการจะได้กำลังคนที่มีคุณภาพที่เกิดจากการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณผู้เรียนอาชีวศึกษาในระบบทวิภาคีและขยายความร่วมมือการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีไปสู่ภูมิภาคอาเซียน และพัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐานสากล โดยมี พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้บริหารกระทรวงศึกษา หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน สถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียนระดับมัธยมศึกษา สพฐ. สช. กศน.สอศ. สื่อมวลชน และประชาชนเข้าร่วมงาน เป็นจำนวนมาก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายในการผลิตและพัฒนากำลังคน โดยส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพสูงสุด โดยเฉพาะกำลังคนระดับกลาง ให้มีสมรรถนะทักษะวิชาชีพที่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ สอศ.และสถานประกอบการซึ่งเป็นภาคีเครือข่าย จึงเร่งดำเนินการพัฒนาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาคีให้มีความเข้มข้นทั้งหลักสูตร กระบวนการฝึกทักษะวิชาชีพ ฝึกประสบการณ์ การประเมินผล สำหรับการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนผู้เรียนและจำนวนสถานประกอบการเข้าร่วมจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีเพิ่มมากขึ้น มีผู้เรียน จำนวน 91,444 คน มีสถานประกอบการที่เข้าร่วมจำนวน 10,527 แห่ง และจะกำหนดให้มีปริมาณมากขึ้นกว่าร้อยละ 30 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเร่งสร้างคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐาน และสร้างมาตรฐานเทียบเคียงให้ได้กับระดับนานาชาติ รวมทั้ง ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ เผยแพร่ความสำเร็จของการผลิตกำลังคนซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาทั้งภาครัฐ และเอกชนให้กับผู้ประกอบการ ด้วยแนวคิด “ทวิภาคีเพื่อการปฏิรูปอาชีวศึกษา : ร่วมมือ เชื่อมโยง ด้วยภาคีเครือข่ายพัฒนากำลังคน”

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกล่าวปาฐกถาเรื่อง “อาชีวศึกษา ฝีมือชน คนสร้างชาติ” ในงานอาชีวศึกษาทวิภาคีไทยว่า รัฐบาลเห็นถึงความก้าวหน้าในการที่จะผลิตคนออกมาให้ตรงกับความต้องการของประเทศ การดำเนินการในเรื่องใดจะต้องทำให้ครบวงจรทั้งระบบตั้งแต่ต้นทาง กลางทางจนถึงปลายทาง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั้งระบบ จึงต้องมีการสร้างกระบวนการเรียนรู้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยเฉพาะการฝึกฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับการสร้างเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทยที่เน้นในเรื่องของเกษตรอุตสาหกรรม การวิจัยและพัฒนา สร้างนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความเข้มแข็งและรายได้ใหม่ที่ไม่พึ่งพิงรายได้จากการเก็บภาษีและการส่งออกเพียงอย่างเดียว เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวทันกับประเทศอื่น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาชีวะถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศ เพราะบุคคลเหล่านี้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการทุกประเภท รวมทั้งการอุปโภคบริโภค ตลอดจนการผลิตของโรงงานและสถานประกอบการต่าง ๆ โดยแนวทางในการดำเนินงานของรัฐบาลขณะนี้คือการคิดแต่ต้นทาง กลางทาง ถึงปลายทาง ให้เกิดการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบโดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในการร่วมกับขับเคลื่อนและเดินหน้าเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ อย่างไรก็ตามการที่จะผลิตทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของประเทศและตลาดแรงงานต่างประเทศนั้น สิ่งสำคัญนอกจากการศึกษาในห้องเรียนแล้วต้องมีการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ เช่น ภาษาต่างประทศ เทคโนโลยี การฝึกประสบการณ์ ฯลฯ ควบคู่ไปด้วย เพื่อเสริมสร้างทักษะและศักยภาพของตนเองเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพและรองรับการปรับตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันต้องมีการเรียนรู้จากข้างในให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณธรรม จริยธรรมในองค์กร เพื่อทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข และร่วมกันพัฒนาขับเคลื่อนประเทศไปให้ได้ พร้อมทั้ง ฝากให้ภาคเอกชนและผู้ประกอบการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการศึกษาและเรียนรู้ทักษะภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ ให้กับบุคลากรภายในสถานประกอบการเพื่อจะได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่องให้มีความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่การภาษาไทยก็ต้องใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความร่วมมือระบบทวิภาคีต้องชัดเจนมากขึ้นและต้องผลิตทรัพยากรบุคคลให้สอดคล้องตรงกับความต้องการของตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ยกระดับเพิ่มขีดความสามารถไปสู่การพัฒนาฝีมือแรงงานที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับจากภาคเอกชนและภาคธุรกิจ มีการประเมินผลเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและเน้นการใช้ผลผลิตต้นทางที่มีอยู่ในพื้นที่หรือท้องถิ่นเป็นหลักให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ รวมถึงออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาดและสร้าง story บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจและแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างและโดดเด่นจากผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นอื่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ขณะเดียวกันต้องมีการสร้างองค์ความรู้แรงบันดาลใจ และมีความทะเยอทะยานอยู่ในกรอบที่ถูกต้องในการที่จะสร้างตัวเองให้เข้มแข็งให้ไปอยู่ในจุดที่ตนเองต้องการ และต้องมีการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเหมาะสมกับฐานะของตนเองด้วย

-----------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ