นายกรัฐมนตรีมอบโอวาทแก่คณะนักเรียนทุนพระราชทาน ในโครงการทุนการศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รุ่นที่ 1 – 4

ข่าวทั่วไป Friday April 22, 2016 14:27 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีมอบโอวาทแก่คณะนักเรียนทุนพระราชทาน ในโครงการทุนการศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รุ่นที่ 1 – 4

วันนี้ (22 เมษายน 2559) เวลา 15.00 น. ณ ตึกสินติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมอบโอวาทแก่คณะนักเรียนทุนพระราชทาน ในโครงการทุนการศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รุ่นที่ 1 – 4 พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการทุนการศึกษาฯ และผลงานของนักเรียนทุนพระราชทานฯ โดยมีตัวแทนนักเรียนทุนพระราชทานฯ นำชมและนำเสนอนิทรรศการ

สำหรับการเข้าพบเพื่อรับฟังโอวาทจากนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ นำโดย นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสำนักนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันนำนักเรียนทุนพระราชทานฯ เข้ารับฟังโอวาทจากนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และการดำรงเป็นเยาวชนที่ดีของชาติ นำโอวาทที่ได้รับไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง และร่วมพัฒนาสังคมและประเทศตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์ชาติ

ภายหลังการเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการทุนการศึกษาฯ และการนำเสนอผลงานของนักเรียนทุนพระราชทาน นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีและรู้สึกปลื้มใจที่ได้เห็นความสำเร็จและความก้าวหน้าของนักเรียนทุน ซึ่งถือได้ว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ โดยขอให้ทุกคนน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ได้เป็นนักเรียนทุนพระราชทาน ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ขอให้ร่วมสนองพระราชปณิธานของพระองค์ และเป็นคนดี มีคุณธรรม รู้จักหน้าที่ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจิตสาธารณะ ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่รุ่นน้อง รวมทั้งเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งคาดหวังให้ประเทศหลุดพ้นจากประเทศที่มีกับดักรายได้ปานกลาง สู่ประเทศที่พัฒนาในอนาคต และต้องแก้ไขกับดักตนเอง กับดักประชาธิปไตย กับดักทางความคิด รวมถึงกับดักความขัดแย้งให้ได้

และขอให้สำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องเป็นบุคคลที่มีคุณค่าของประเทศ โดยร่วมกันสร้างเยาวชนให้มีคุณค่า รุ่นต่อ ๆ ไป ตามยุทธศาสตร์ของชาติที่ต้องการให้มีเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีคุณค่า ตามกระบวนการการปฏิรูปการศึกษาภายใน 20 ปี และรัฐบาลต้องพัฒนาการศึกษาให้เป็นแบบ STEM คือ องค์ความรู้ วิชาการของศาสตร์ทั้ง 4 ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) ที่มีความเชื่อมโยงกันในโลกของความเป็นจริงที่ต้องอาศัยองค์ความรู้ต่าง ๆ มาบูรณาการเข้าด้วยกันในการดำเนินชีวิตและการทำงาน รวมทั้งกระจายช่องทางการศึกษาอย่างทั่งถึง พร้อมกับส่งเสริมศักยภาพของผู้เรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณธรรม เมื่อเรียนจบแล้วต้องกลับไปพัฒนาภูมิลำเนา พร้อมทั้ง สร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถของแต่ละภูมิภาคให้มีความเจริญเติบโตด้วยบุคคลในพื้นที่ โดยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุก ๆ ภาคส่วน ให้ช่วยกันสร้างเมืองเล็กให้กลายเป็นเมืองใหญ่

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า นอกจากการเพิ่มศักยภาพตนเอง ต้องเพิ่มศักยภาพของคนอื่นด้วย เพราะทุกคนต่างมีส่วนร่วม และเป็นพลังที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเศรษฐกิจ ของสังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อไม่มีความมั่นคงเกิดขึ้นในประเทศ ความไว้วางใจก็ไม่มี เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องช่วยกันสร้างความมั่นคง และเคารพปฏิบัติตามกฎหมายฉบับเดียวกันอย่างเท่าเทียม พร้อมกับสร้างกระบวนการคิดที่เป็นกระบวนการ อย่างมีวิสัยทัศน์ รวมทั้งค้นคว้า หาความรู้ เพื่อพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ การพัฒนาต้องไม่ลืมวัฒนธรรม และความเป็นไทย นำเอาความทันสมัยมาปรับให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญเติบโต และแข็งแกร่งไปพร้อมกัน

โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวกับนักเรียนทุนว่า ขอให้พูดดี ทำดี คิดดี คิดได้ และทำเป็น และขอให้ตั้งใจเรียน สำเร็จการศึกษาครบตามหลักสูตร ประสบความสุข และความสำเร็จ และมีความก้าวหน้าในอาชีพ รวมทั้งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงต่อไป

---------------------------------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ