นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 1/2560

ข่าวทั่วไป Friday March 3, 2017 13:44 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 1/60 วางกรอบปฏิรูปประเทศปี 60 จำนวน 27 วาระ รวม 42 เรื่อง นายกฯ ย้ำทำความเข้าใจประชาชน รมต.นร.ระบุ งานมีความคืบหน้าไปสู่การขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม

วันนี้ (3 มี.ค.60) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ครั้งที่ 1/2560 ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยภายหลังการประชุม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร้อยเอก ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้แถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมวันนี้สืบเนื่องจากการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ “การเตรียมการจัดตั้งคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ” เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ของแม่น้ำ 3 สาย โดยการประชุมวันนี้ได้มีการพูดถึงการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีกับการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่ได้พูดถึงกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน ที่ประชุมวันนี้จึงได้มีการนำเสนอยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้านดังกล่าวออกมาเป็นรูปธรรม ว่าอะไรที่จะต้องทำก่อนในช่วง 5 ปี อะไรที่จะต้องทำในช่วง 10-15 ปีต่อมา และอะไรที่จะต้องทำในช่วง 20 ปี เพื่อที่จะให้เป็นเป้าหมายที่ชัดเจน นำไปสู่กรอบการปฏิรูป ซึ่งจากการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สปท. ได้นำเสนอวาระการปฏิรูปที่สำคัญที่จะเตรียมการปฏิรูปภายในปี 2560 รวม 27 วาระ และหลังจากนั้นได้มีการหารือกันหลายครั้งได้ข้อสรุปว่าวาระการปฏิรูปยังคงเป็น 27 วาระ รวม 42 เรื่องที่จะต้องดำเนินการภายในปี 2560 พร้อมกับจะมีอีก 32 เรื่องที่จะทำภายในปี 2561-2564

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าของการปฏิรูปในขณะนี้ว่า สามารถแบ่งความคืบหน้าออกเป็น 3 เรื่องสำคัญคือ 1. การจัดทำเป็นกฎหมาย ที่ขณะนี้มีพระราชบัญญัติที่กำลังเข้าสู่ สนช. แล้ว 1 ฉบับคือพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ ที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วทั้งหมด 7 ฉบับ เช่น พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ เรื่องการเงินการคลัง เรื่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น 2. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งองค์กรหรือหน่วยงานขึ้นมาใหม่ มีทั้งหมด 11 หน่วยงาน เช่น ธนาคารที่ดิน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นต้น และ สปท. ได้มีมาตรการเชิงบริหารที่สามารถดำเนินการได้ทันทีอีก 15 เรื่อง เช่น การพัฒนาโรงเรียนต้นแบบ 55 โรงเรียน หรือการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก เป็นต้น 3. การประชุมวันนี้เป็นการต่อเชื่อม 27 วาระของ สปท. ไปที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูป หรือ กขป. โดย กขป. ทั้ง 6 คณะที่รับผิดชอบโดยรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 ท่าน ได้นำเสนอความคืบหน้า ประกอบด้วย เรื่องที่ดำเนินการแล้ว ในช่วงปี 2557-2660 เรื่องที่กำลังจะผลักดันในปี 2660 และเรื่องที่จะดำเนินการต่อไปตั้งแต่ปี 2561-2579 ซึ่งการนำเสนองานทั้งหมดของ กขป. เป็นการบูรณาการงานทั้งหมดของ กขป. สปท. และ สนช. เข้าด้วยกัน โดยมีรายละเอียดออกมาเป็นรูปเล่ม ซึ่ง ณ วันนี้จะสามารถเห็นสถานภาพทั้งหมดของการปฏิรูปของประเทศแล้ว ว่าสิ่งที่ดำเนินการไปในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมามีอะไร สิ่งที่กำลังดำเนินการในวันนี้มีอะไร สิ่งที่จะเดินต่อไปมีอะไร ภายใต้การทำงานบูรณาการร่วมกันของแม่น้ำ 3 สาย

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า จากนี้ไปการขับเคลื่อนการปฏิรูปจะเกิดขึ้นผ่านกลไกปกติ 2 คณะ คือคณะของ กขป. 6 คณะ กับคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล หรือ กขร. พร้อมกับจะมีการจัดตั้งคณะทำงาน 2 คณะเพื่อทำให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปเป็นไปอย่างราบรื่น คือ 1. คณะทำงานสานพลังปฏิรูปเพื่อพัฒนาพื้นที่และสังคม มี ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย เป็นประธาน 2. คณะทำงานบูรณาการและขับเคลื่อนการปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้าง มี ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรฒม์ เป็นประธาน ซึ่งที่ในที่สุดแล้วภาพทั้งหมดของการปฏิรูปจะชัดเจนมากขึ้น สามารถแบ่งการปฏิรูปจากนี้ไปออกเป็น 3 ระดับ คือ 1. สิ่งที่ทำได้ทันที จะให้กระทรวงขับเคลื่อนต่อเพื่อให้เกิดผลทันที 2. ระดับการปฏิรูปที่ต้องบูรณาการข้ามกระทรวง โดยคณะกรรมการ กขร. และ กขป. 6 คณะจะทำหน้าที่ผลักดัน 3. ประเด็นปฏิรูปที่มีความซับซ้อนยุ่งยาก ต้องใช้กลไกพิเศษ หรือมาตรการพิเศษ จะใช้คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ หรือส่งต่อไปที่คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป.

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า การประชุมวันนี้มีความคืบหน้ามาก และจะนำไปสู่เรื่องของการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมจากนี้ไป ซึ่งในส่วนที่แม่น้ำ 3 สายได้ทำประสบผลสำเร็จไปแล้วใน 2 ปีกว่าที่ผ่านมา จะมีการประมวลอีกครั้งเพื่อสร้างการรับรู้กับประชาชนว่าประชาชนได้อะไรจากการปฏิรูป ประชาชนมีความรับรู้มากน้อยแค่ไหน และประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปอย่างไรบ้าง โดยจากนี้ไปจะเดินตามโรดแมปการปฏิรูปอย่างที่ได้ประชุมวันนี้ และนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำในที่ประชุมถึงเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชน การสร้างการรับรู้ว่าการขับเคลื่อนงานของ ป.ย.ป.จะมีผลสัมฤทธิ์อย่างไร ที่สำคัญจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ หรือตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในเรื่องใดบ้าง โดยการทำงานนั้นต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

ด้านร้อยเอก ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวเพิ่มเติมถึงกรอบการปฏิรูป 27 วาระ 42 เรื่องที่จะปฏิรูปในปี 2560 จะเป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 6 ประเด็นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งแบ่งเป็นเรื่องกรอบของกลไกภาครัฐ การพัฒนาฐานราก การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเศรษฐกิจเพื่ออนาคต และการพัฒนาระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นต้น

------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ