แท็ก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทักษิณ ชินวัตร
ทำเนียบรัฐบาล
ตึกไทยคู่ฟ้า
นายกรัฐมนตรี
วันนี้ เมื่อเวลา 16.30 น. ณ. ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นาย Dono Iskandar Djojosubroto กรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และคณะเข้าเยี่ยมคารวะ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย กัมพูชา เวียดนามและมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 14-27 ต.ค. 2544 ภายหลังการกล่าวต้อนรับ สามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ได้ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและการเงินแก่ประเทศไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ไทยประสบวิกฤตเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี ได้ถือโอกาสนี้อธิบายถึงหลักการดำเนินนโยบายของรัฐบาลว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินนโยบายคู่ขนาน (Dual Track) คือ ยังคงให้เน้นการส่งออกเพื่อความเติบโตทางเศรษฐกิจและในขณะเดียวกันให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในโดยเฉพาะเศรษฐกิจรากหญ้า เสริมสร้างผู้ประกอบการ และบรรเทาปัญหาความยากจน ทั้งนี้ หลายๆนโยบายได้ดำเนินไปอย่างสอดคล้องซึ่งกันและกัน อาทิ การพักชำระหนี้เกษตรกร โครงการ 30 บาทรักษาโรค การจัดตั้งระบบสินเชื่อขนาดย่อย (Micro credit ) กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน เน้นการปรับปรุงด้านการผลิต การจัดการและการตลาดในโครงการ 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล โดยเป้าหมาย คือมุ่งหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อประกอบธุรกิจ และในที่สุดสามารถขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ รัฐบาลคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังคงมีอัตราการเติบโต ร้อยละ 1.5 แม้ว่าจะมีผลกระทบจากปัจจัยภายนอกบ้าง
ในโอกาสนี้ กรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางเยือนไทยว่า เพื่อรับทราบข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจสังคมและการเมืองของไทย และจากการพบปะกับบุคคลระดับสูงของภาครัฐบาลและเอกชน มีความรู้สึกประทับใจต่อการดำเนินงานของไทย และทำให้ได้รับทราบถึงแนวความคิดและภาพรวมของการดำเนินนโยบายของรัฐบาลได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเศรษฐกิจไทยได้พ้นจากระดับต่ำสุดแล้ว ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลไทยที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ คือ การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ประชาชนโดยเฉพาะประชาชนในระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ
ในตอนท้ายนี้ กรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ยังได้กล่าวคาดการณ์ถึง เศรษฐกิจโลกที่ถดถอยในขณะนี้ว่า จะมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่สองของปีหน้า พร้อมทั้งได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้และอาจไม่มีความจำเป็นต้องกู้ยืมเงินจากกองทุน ฯ อีก
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ได้ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและการเงินแก่ประเทศไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ไทยประสบวิกฤตเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี ได้ถือโอกาสนี้อธิบายถึงหลักการดำเนินนโยบายของรัฐบาลว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินนโยบายคู่ขนาน (Dual Track) คือ ยังคงให้เน้นการส่งออกเพื่อความเติบโตทางเศรษฐกิจและในขณะเดียวกันให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในโดยเฉพาะเศรษฐกิจรากหญ้า เสริมสร้างผู้ประกอบการ และบรรเทาปัญหาความยากจน ทั้งนี้ หลายๆนโยบายได้ดำเนินไปอย่างสอดคล้องซึ่งกันและกัน อาทิ การพักชำระหนี้เกษตรกร โครงการ 30 บาทรักษาโรค การจัดตั้งระบบสินเชื่อขนาดย่อย (Micro credit ) กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน เน้นการปรับปรุงด้านการผลิต การจัดการและการตลาดในโครงการ 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล โดยเป้าหมาย คือมุ่งหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อประกอบธุรกิจ และในที่สุดสามารถขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ รัฐบาลคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังคงมีอัตราการเติบโต ร้อยละ 1.5 แม้ว่าจะมีผลกระทบจากปัจจัยภายนอกบ้าง
ในโอกาสนี้ กรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางเยือนไทยว่า เพื่อรับทราบข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจสังคมและการเมืองของไทย และจากการพบปะกับบุคคลระดับสูงของภาครัฐบาลและเอกชน มีความรู้สึกประทับใจต่อการดำเนินงานของไทย และทำให้ได้รับทราบถึงแนวความคิดและภาพรวมของการดำเนินนโยบายของรัฐบาลได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเศรษฐกิจไทยได้พ้นจากระดับต่ำสุดแล้ว ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลไทยที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ คือ การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ประชาชนโดยเฉพาะประชาชนในระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ
ในตอนท้ายนี้ กรรมการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ยังได้กล่าวคาดการณ์ถึง เศรษฐกิจโลกที่ถดถอยในขณะนี้ว่า จะมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่สองของปีหน้า พร้อมทั้งได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้และอาจไม่มีความจำเป็นต้องกู้ยืมเงินจากกองทุน ฯ อีก
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-